การจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกน กลางฯ ด้านทักษะการคิดขั้นสูง และแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านการคิด โดย สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร

การจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกน กลางฯ

การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนของการศึกษาในประเทศไทย ส่วนใหญ่เน้นเนื้อหาความรู้ภาคทฤษฎีและการท่องจำ เมื่อมีการประเมินที่นอกเหนือจากความรู้ภาคทฤษฎีและการท่องจำ ทำให้มีผลการประเมินภาพรวมค่อนข้างต่ำ และไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินในบางประเด็น ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ควรปรับเปลี่ยนกระบวนการโดยเน้นให้นักเรียนคิดวิเคราะห์และศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง รวมถึงจัดการเรียนการสอนเพื่อให้เกิดการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงมากขึ้น
สำนักการศึกษาจึงได้จัดทำเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับการวัดประเมินผลเรื่อง การจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดฯ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560) ด้านทักษะการคิดขั้นสูงเล่มนี้ขึ้น ซึ่งผ่านการพิจารณาตัวชี้วัดเพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สถานศึกษามีกรอบแนวทางในการวางแผนการจัดการเรียนการสอนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยนำตัวชี้วัดฯ ที่ผ่านการพิจารมากลั่นกรองคุณลักษณะด้านทักษะการคิดขั้นสูงไปใช้จัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะ การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ รวมถึงสามารถนำไปประยกต์ใช้ในชีวิตได้อย่างเหมาะสม
สำนักการศึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพิจารณากลั่นกรองคุณลักษณะด้านทักษะการคิดขั้นสูงของตัวชี้วัดทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ จะช่วยอำนวยความสะดวก และเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหาร ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์
นักวิชาการศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ที่สนใจ นำไปประยุกต์ใช้ใช้ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครให้มีคุณภาพสูงขึ้นต่อไป

กระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่มุ่งให้นักเรียนได้เชื่อมโยงประสบการณ์ Project-based ด้วยการลงมือ เน้นประสบการณ์ในการ Learning ชีวิตจริงสู่การเรียนรู้ ค้นหาคำตอบปฏิบัติงานให้แก่นักเรียนเหมือนกับการ
การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐานทำงานในชีวิตจริงอย่างเป็นระบบ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีประสบการณ์ตรง
เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา ทำการทดลองพิสูจน์สิ่งต่างๆผ่านการวางแผนการทำงานเป็นทีม และการคิดอย่างเป็นระบบ
นักเรียนสามารถ เข้าใจแนวคิดและความรู้พื้นฐานซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทำโครงงานการเรียนรู้ด้วย
Project-based Learning ช่วยเสริมสร้างนักเรียน ให้เกิดทักษะการเรียนรู้นักเรียน สามารถใช้เทคโนโลยี และสามารถนำเสนองานให้กับผู้ฟัง นอกเหนือจากในห้องเรียน นักเรียนสามารถเรียนรู้ทักษะในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือการสื่อสาร การมีวิธีคิดเชิงวิพากษ์ จากการเรียนรู้ปัญหาชุมชน สำรวจอาชีพที่ตนเองสนใจ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่
ที่ให้คำแนะนำการทำโครงงานช่วยสร้างทักษะและนิสัยรักการเรียนรู้สามารถกระตุ้นนักเรียนให้ใส่ใจการเรียน

กระบวนการจัดการเรียนรู้ Active Learning เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่ Problem-based ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้น
Learning หรือเป็นบริบทให้ผู้เรียนได้คิดวิเคราะห์การจัดการเรียนรู้แก้ปัญหา และบูรณาการความรู้ที่โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เหมาะสม สามารถนำไปสู่ผลการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ มีคุณสมบัติที่นำมาใช้จัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนานักเรียน ดังนี้
เน้นนักเรียนเป็นสำคัญเน้นการแสวงหาความรู้ใช้ปัญหา เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ เน้นการบูรณาการความรู้
ส่งเสริมให้นักเรียนกำกับตนเองในการเรียนรู้เน้นให้นักเรียนพัฒนาทักษะการคิดการเรียนรู้ด้วย Problem-based Learning ช่วยเสริมสร้างผู้เรียน ให้เกิดทักษะการเรียนรู้
1] เพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้
2] พัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ การเขียน การสื่อสาร
3] ช่วยให้การจำข้อมูลต่าง ๆ ได้ดี
4] ช่วยให้นักเรียนรู้จักการปรับตัว รับฟังความคิดเห็นเพื่อช่วยให้เรียนรู้และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี
5] ส่งเสริมให้นักเรียนเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง
6] เสริมสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตเน้นการเรียนรู้ร่วมกัน เน้นให้นักเรียนควบคุมและประเมิน กระบวนการเรียนรู้

ทักษะการคิดขั้นสูง
ทิศนา แขมมณี และคณะ (2543) อธิบายทักษะการคิดขั้นสูง หรือทักษะการคิดที่ชับช้อน (higher order or more complexed thinking skills) สรุปได้ว่า ทักษะการคิดขั้นสูง เป็นทักษะที่มีขั้นตอนหลากหลาย และต้อง
อาศัยทักษะพื้นฐานหลาย ๆ ทักษะการคิดขั้นสูง หมายถึง ทักษะการคิดที่มีความซับซ้อน มีกระบวนการ หรือขั้นตอนในการคิดมากและซับซ้อนขึ้นเพื่อให้ได้คำตอบ หรือบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ การคิดขั้นสูง หมายถึง ความสามารถ
และความชำนาญในการดำเนินการชับชับช้อน เพื่อแสวงทาคำตอบ แก้ปัญหาต่างๆหรือบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
สรุปได้ว่า ทักษะการคิดขั้นสูง หมายถึง ความสามามารถและความชำนาญในการคิดที่มีกระบวนการหรือขั้นตอนที่ซับซ้อนและมีความหลากหลาย ต้องอาศัยทักษะพื้นฐานหลาย ๆ ทักษะ เพื่อแสวงหาคำตอบ แก้ปัญหาต่าต่าง ๆ หรือ
บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงในศตวรรษที่ 21 แนวทางการจำแนกตัวชี้วัดและการประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางฯ ของสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร

การศึกษาในยุคปัจจุบันต้องการมากกว่าการท่องจำความรู้ นักเรียนจำเป็นต้องพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคต สำนักการศึกษากรุงเทพมหานครได้จัดทำแนวทางการจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านทักษะการคิดขั้นสูง พร้อมทั้งระบบการวัดและประเมินผลที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของนักเรียนไทย

ความสำคัญของทักษะการคิดขั้นสูงในการศึกษาไทย

การศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 เผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ต้องการผู้เรียนที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประยุกต์ใช้ความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงเป็นพิเศษ เพราะทักษะเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิต แก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในข้ามคืน แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและมีระบบ สำนักการศึกษากรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญนี้จึงได้พัฒนาแนวทางการจำแนกตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้ในการออกแบบการเรียนการสอนและการประเมินผลได้อย่างเป็นระบบ แนวทางนี้ยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจเป้าหมายการเรียนรู้ของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือการที่หลักสูตรแกนกลางฯ ได้รวมเอาทักษะการคิดขั้นสูงเข้าไปในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ไม่ใช่แยกเป็นวิชาเฉพาะ วิธีการนี้ช่วยให้นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะการคิดในบริบทที่หลากหลาย และเข้าใจว่าการคิดขั้นสูงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสาขาความรู้ ทั้งในด้านวิทยาศาสต์ คณิตศาสต์ ภาษา สังคมศึกษา ศิลปะ และสุขศึกษา

องค์ประกอบหลักของทักษะการคิดขั้นสูง

ทักษะการคิดขั้นสูงตามแนวทางของสำนักการศึกษากรุงเทพมหานครประกอบด้วยหลายองค์ประกอบสำคัญที่เชื่อมโยงกันอย่างมีระบบ องค์ประกอบแรกคือการคิดวิเคราะห์ ซึ่งเป็นความสามารถในการแยกแยะข้อมูล ข้อเท็จจริง หรือสถานการณ์ต่างๆ ออกเป็นส่วนย่อยเพื่อศึกษาความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ระหว่างกัน นักเรียนที่มีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดีจะสามารถมองเห็นรายละเอียดที่สำคัญ จับประเด็นหลัก และเข้าใจโครงสร้างของข้อมูลหรือปัญหาได้อย่างลึกซึ้ง

การคิดสังเคราะห์เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ต่อยอดจากการคิดวิเคราะห์ ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับการนำข้อมูลหรือความรู้จากหลายแหล่งมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ สร้างแนวคิดใหม่ หรือแก้ปัญหาในรูปแบบที่แปลกใหม่ นักเรียนที่มีทักษะการคิดสังเคราะห์ที่ดีจะสามารถเชื่อมโยงความรู้จากวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน และสร้างสรรค์ผลงานหรือแนวคิดที่มีความหมายและมีประโยชน์

การคิดประยุกต์เป็นทักษะที่เน้นการนำความรู้ หลักการ หรือวิธีการที่เรียนรู้มาแล้วไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ทักษะนี้ต้องการความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลักการพื้นฐาน ความยืดหยุ่นในการคิด และความสามารถในการปรับเปลี่ยนแนวทางให้เหมาะสมกับบริบทใหม่ นักเรียนที่มีทักษะการคิดประยุกต์ที่ดีจะสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และนำไปใช้ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจำแนกตัวชี้วัดตามระดับความซับซ้อน

การจำแนกตัวชี้วัดทักษะการคิดขั้นสูงตามแนวทางของสำนักการศึกษากรุงเทพมหานครใช้หลักการจำแนกตามระดับความซับซ้อนของกระบวนการคิด โดยแบ่งออกเป็นหลายระดับที่มีความต่อเนื่องกันตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับขั้นสูง ระดับแรกคือระดับการจำและเข้าใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักเรียนต้องมีก่อนที่จะพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงได้ ในระดับนี้นักเรียนต้องสามารถจำข้อมูล ข้อเท็จจริง และแนวคิดพื้นฐานได้ รวมทั้งเข้าใจความหมายและสามารถอธิบายได้ด้วยภาษาของตนเอง

ระดับที่สองคือระดับการนำไปใช้ ซึ่งต้องการให้นักเรียนสามารถนำความรู้และทักษะที่เรียนรู้มาแล้วไปใช้ในสถานการณ์ที่คุ้นเคย ตัวชี้วัดในระดับนี้จะเน้นการประยุกต์ใช้กฎเกณฑ์ หลักการ หรือวิธีการที่เรียนรู้แล้วในการแก้ปัญหาหรือทำกิจกรรมที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่เคยฝึกฝนมาก่อน ทักษะในระดับนี้เป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญระหว่างการเรียนรู้เชิงรับกับการคิดขั้นสูง

ระดับที่สามคือระดับการวิเคราะห์ ซึ่งต้องการให้นักเรียนสามารถแยกแยะองค์ประกอบต่างๆ ของข้อมูลหรือสถานการณ์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ และสามารถจำแนกความแตกต่างได้ ตัวชี้วัดในระดับนี้อาจรวมถึงการหาสาเหตุและผล การเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่าง การจำแนกประเภท และการหารูปแบบหรือแนวโน้ม ทักษะเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการคิดเชิงตรรกะ

ระดับที่สี่คือระดับการสังเคราะห์ ซึ่งเป็นการรวมองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีความหมาย ตัวชี้วัดในระดับนี้อาจรวมถึงการสร้างโครงการใหม่ การเขียนเรื่องราวที่มีความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบแนวทางแก้ปัญหาที่แปลกใหม่ หรือการเสนอทฤษฎีหรือแนวคิดใหม่ ทักษะในระดับนี้เป็นหัวใจของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

ระดับสุดท้ายคือระดับการประเมิน ซึ่งต้องการให้นักเรียนสามารถตัดสินใจหรือให้ความเห็นโดยอาศัยเกณฑ์หรือมาตรฐานที่ชัดเจน ตัวชี้วัดในระดับนี้รวมถึงการวิจารณ์ การให้เหตุผลสนับสนุนความเห็น การเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายๆ ทางเลือก และการประเมินคุณค่าหรือความถูกต้องของข้อมูลหรือแนวคิด ทักษะในระดับนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการเป็นพลเมืองที่ดีในสังคมประชาธิปไตย

ตัวชี้วัดเฉพาะด้านการคิดวิเคราะห์

การคิดวิเคราะห์เป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการคิดขั้นสูง ตัวชี้วัดสำหรับทักษะนี้จึงได้รับการพัฒนาอย่างละเอียดและครอบคลุม ตัวชี้วัดระดับเริ่มต้นจะเน้นให้นักเรียนสามารถแยกแยะข้อมูลที่สำคัญจากข้อมูลรอง จำแนกข้อเท็จจริงจากความคิดเห็น และระบุส่วนประกอบหลักของเรื่องราวหรือสถานการณ์ต่างๆ ได้ เช่น การวิเคราะห์โครงเรื่องของนิทานหรือนวนิยายโดยระบุตัวละคร เหตุการณ์สำคัญ และข้อความที่ต้องการสื่อ

เมื่อนักเรียนพัฒนาขึ้น ตัวชี้วัดจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ การเปรียบเทียบและเทียบความแตกต่างของแนวคิดหรือปรากฏการณ์ และการหารูปแบบหรือแนวโน้มจากข้อมูลชุดใหญ่ ตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ในระดับขั้นสูง ตัวชี้วัดจะเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกและซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อหาข้อสรุป การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลต่างๆ การวิเคราะห์อคติหรือมุมมองที่มีอิทธิพลต่อการนำเสนอข้อมูล และการตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูลหรือข้อโต้แย้ง ทักษะเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้นและมีทั้งข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลบิดเบือน

การประเมินผลการคิดวิเคราะห์สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้นักเรียนเขียนรายงานการวิเคราะห์ การนำเสนอผลการวิเคราะห์ในรูปแบบแผนภาพหรือตาราง การอภิปรายกลุ่มที่ต้องใช้การวิเคราะห์ในการให้เหตุผล หรือการสร้างแผนผังความคิดที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ วิธีการประเมินต้องหลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน

ตัวชี้วัดเฉพาะด้านการคิดสังเคราะห์

การคิดสังเคราะห์เป็นทักษะที่ท้าทายและต้องการความคิดสร้างสรรค์สูง ตัวชี้วัดสำหรับทักษะนี้จึงเน้นการประเมินความสามารถในการรวมองค์ประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีคุณค่าและความหมาย ในระดับเริ่มต้น ตัวชี้วัดอาจรวมถึงการรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อเขียนรายงาน การสร้างเรื่องราวใหม่โดยใช้ตัวละครหรือเหตุการณ์ที่รู้จัก หรือการออกแบบโครงการง่ายๆ ที่แก้ปัญหาในชุมชน

เมื่อพัฒนาไปสู่ระดับกลาง ตัวชี้วัดจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น การสร้างแผนการดำเนินงานที่ประกอบด้วยหลายขั้นตอน การออกแบบกิจกรรมที่ผสมผสานความรู้จากหลายสาขา การเขียนบทความหรือเรียงความที่นำเสนอมุมมองใหม่ต่อประเด็นที่ซับซ้อน หรือการสร้างผลงานศิลปะที่สื่อสารแนวคิดหรือความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น การออกแบบโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ผสมผสานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และศิลปะเข้าด้วยกัน

ในระดับขั้นสูง ตัวชี้วัดจะเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือแนวคิดใหม่ที่มีความซับซ้อนและมีผลกระทบในวงกว้าง เช่น การพัฒนาแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหาสังคม การสร้างทฤษฎีหรือโมเดลใหม่ที่อธิบายปรากฏการณ์ที่ซับซ้อน การออกแบบระบบหรือกระบวนการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง หรือการสร้างผลงานศิลปะที่สะท้อนการเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อปัญหาสังคมหรือปรัชญา

การประเมินผลการคิดสังเคราะห์ต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการคิดมากกว่าผลลัพธ์ เพราะความคิดสร้างสรรค์อาจแสดงออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน วิธีการประเมินที่เหมาะสมรวมถึงการให้นักเรียนอธิบายกระบวนการคิดของตนเองผ่านการเขียนหรือการนำเสนอ การใช้ portfolio เพื่อแสดงพัฒนาการของความคิดสร้างสรรค์ การประเมินโดยเพื่อนร่วมชั้น หรือการประเมินผลงานโดยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก สิ่งสำคัญคือต้องสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการแสดงความคิดสร้างสรรค์และไม่กลัวความผิดพลาด

ตัวชี้วัดเฉพาะด้านการคิดประยุกต์

การคิดประยุกต์เป็นทักษะที่เชื่อมโยงระหว่างความรู้เชิงทฤษฎีกับการปฏิบัติจริง ตัวชี้วัดสำหรับทักษะนี้จึงเน้นการประเมินความสามารถในการนำความรู้ หลักการ หรือวิธีการที่เรียนรู้แล้วไปใช้ในสถานการณ์ใหม่ที่มีบริบทแตกต่างจากเดิม ในระดับพื้นฐาน ตัวชี้วัดอาจรวมถึงการใช้สูตรคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การนำหลักการทางวิทยาศาสตร์ไปอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว หรือการใช้ทักษะภาษาในการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ

เมื่อพัฒนาไปสู่ระดับกลาง ตัวชี้วัดจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น การปรับประยุกต์กลยุทธ์การแก้ปัญหาจากสาขาหนึ่งไปใช้ในอีกสาขาหนึ่ง การนำแนวคิดจากวิชาหนึ่งไปผสมผสานกับอีกวิชาหนึ่งเพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ การปรับใช้เทคนิคหรือวิธีการที่เรียนรู้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดหรือความท้าทายใหม่ หรือการถ่ายทอดความรู้และทักษะให้ผู้อื่นในรูปแบบที่เหมาะสมกับผู้รับสาร

ในระดับขั้นสูง ตัวชี้วัดจะเน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ในระดับที่ซับซ้อนและมีผลกระทบกว้างขวาง เช่น การใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการออกแบบโครงการวิจัยใหม่ การประยุกต์ใช้ทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาสังคม การใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในการพัฒนาโมเดลหรือระบบใหม่ หรือการประยุกต์ใช้หลักการศิลปะในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการศึกษาหรือการสื่อสาร

การประเมินผลการคิดประยุกต์ต้องให้โอกาสนักเรียนได้แสดงความสามารถในสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง วิธีการที่เหมาะสมรวมถึงการใช้ case study การให้ทำโครงงานที่ต้องประยุกต์ความรู้หลายสาขา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ problem-based learning การฝึกงานหรือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง หรือการประเมินผ่านการจำลองสถานการณ์

สามารถดาวน์โหลด ไฟล์เอกสาร การจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกน กลางฯ ด้านทักษะการคิดขั้นสูง และแนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านการคิด ตามลิงก์ด้านล่างนี้ ได้เลยครับ

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

การจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกน กลางฯ
การจำแนกตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกน กลางฯ

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด