แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP) ไฟล์ Word แก้ไขได้

แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) ก้าวสำคัญเพื่อการเรียนรู้ที่แตกต่าง
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Plan: IEP) เป็นเครื่องมือสำคัญในระบบการศึกษา เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษทางการศึกษา โดยเฉพาะนักเรียนที่มีความบกพร่องหรือความต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม แผนนี้ถูกออกแบบเฉพาะสำหรับนักเรียนแต่ละคน โดยครอบครัว ครู นักจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนจะได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสมและเต็มศักยภาพ
ส่วนประกอบหลักของ IEP
- ข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน : ประกอบด้วยข้อมูลทางการแพทย์ พัฒนาการ และผลการเรียนรู้ที่ผ่านมา
- การประเมินความต้องการพิเศษ : มีการประเมินผลด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร พฤติกรรม และพัฒนาการอื่น ๆ เพื่อวางแผนการช่วยเหลือ
- เป้าหมายเฉพาะ : ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจนและเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
- กลยุทธ์การเรียนรู้และการสอน : วางแผนวิธีการและกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับการสนับสนุนนักเรียน
- บริการสนับสนุนพิเศษ : เช่น การบำบัดการพูด การให้คำปรึกษา หรือการสอนเสริมพิเศษ
- การประเมินผลและติดตามความก้าวหน้า : ประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนแผนตามความจำเป็น
ประโยชน์ของ IEP
- ช่วยให้นักเรียนได้รับการดูแลและการสอนที่เหมาะสม
- ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครอง
- มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพนักเรียนอย่างเต็มที่
- สามารถติดตามและปรับปรุงการสอนตามความจำเป็นของนักเรียน
IEP เป็นการทำงานที่เน้นการพัฒนานักเรียนแบบองค์รวม ทำให้นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษสามารถได้รับการศึกษาและการสนับสนุนที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความสามารถและศักยภาพของตนเอง.
ประสิทธิภาพของแผน IEP ในการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของนักเรียนที่มีความแตกต่างทางการเรียนรู้
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP: Individualized Education Program) เป็นแผนที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ โดยเป็นการออกแบบการสอนเฉพาะสำหรับนักเรียนแต่ละคน แผน IEP จะประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน เป้าหมายการเรียนรู้ และวิธีการสอนที่ปรับตามความต้องการของนักเรียน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้ ตัวอย่างแผน IEP จะมีส่วนประกอบหลัก ๆ ดังนี้
1. ข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน
- ชื่อ-นามสกุลของนักเรียน
- อายุ/วันเดือนปีเกิด
- โรงเรียน/ระดับชั้น
- สภาพทางการแพทย์ (ถ้ามี)
- บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผน เช่น ผู้ปกครอง ครู นักบำบัด
2. การประเมินความสามารถปัจจุบันของนักเรียน
- ผลการประเมินความสามารถทางวิชาการและพฤติกรรม
- ความสามารถทางร่างกายและจิตใจ
- ข้อมูลจากครูและผู้ปกครองเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนักเรียน
- การประเมินเฉพาะทาง เช่น นักบำบัด นักจิตวิทยา
3. เป้าหมายการเรียนรู้ระยะสั้นและระยะยาว
- เป้าหมายการเรียนรู้ในแต่ละวิชาหรือด้านพฤติกรรม
- กำหนดเวลาสำหรับการประเมินผลการบรรลุเป้าหมาย
- เป้าหมายทางสังคมและอารมณ์ (ถ้ามี)
4. วิธีการและกลยุทธ์ในการสอน
- วิธีการปรับการสอนตามความต้องการของนักเรียน
- การใช้เครื่องมือช่วยสอนหรือเทคโนโลยีเสริม
- การใช้วิธีการสอนเฉพาะทาง เช่น การสอนแบบปฏิบัติจริง การแบ่งงานย่อย การใช้สื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ
- การปรับเวลาเรียนหรือสภาพแวดล้อมการเรียน
5. บริการสนับสนุนเพิ่มเติม
- การสนับสนุนจากนักบำบัด นักจิตวิทยา ครูพิเศษ หรือนักสังคมสงเคราะห์
- บริการที่จำเป็นอื่น ๆ เช่น การใช้ผู้ช่วยในชั้นเรียน
- การสนับสนุนเพิ่มเติมที่นักเรียนอาจต้องการ เช่น การให้เวลาเพิ่มเติมในการทำแบบฝึกหัดหรือการทดสอบ
6. การประเมินผลและการติดตามความก้าวหน้า
- การกำหนดวิธีการประเมินผลและการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียน
- ความถี่ในการตรวจสอบและปรับปรุงแผน IEP
- ผู้ที่มีส่วนร่วมในการประเมิน เช่น ครู นักบำบัด ผู้ปกครอง
7. การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
- การให้ข้อมูลแก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับแผนการเรียนรู้
- การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการตัดสินใจและการติดตามผล
ตัวอย่างเป้าหมาย IEP
วิชาคณิตศาสตร์
เป้าหมายระยะสั้น : นักเรียนจะสามารถบวกและลบเลข 1-20 โดยใช้เครื่องช่วยคิดเลขในเวลา 3 เดือน
เป้าหมายระยะยาว : นักเรียนจะสามารถแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์พื้นฐานได้โดยไม่ใช้เครื่องช่วยคิดเลขในเวลา 1 ปี
ทักษะทางสังคม
เป้าหมายระยะสั้น : นักเรียนจะสามารถเล่นและทำงานร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม 2-3 คนได้โดยไม่เกิดปัญหาทางพฤติกรรมในเวลา 6 เดือน
เป้าหมายระยะยาว : นักเรียนจะสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้โดยมีพฤติกรรมที่เหมาะสมในเวลา 1 ปี
นี่เป็นเพียงตัวอย่างโครงสร้างและแนวทางของแผน IEP ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของนักเรียน
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) สำหรับผู้ปกครองและครู
การศึกษาเป็นสิทธิพื้นฐานของเด็กทุกคน แต่เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในด้านการเรียนรู้ ความสามารถ และความต้องการพิเศษ แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลหรือ Individualized Education Program (IEP) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้รับการศึกษาที่เหมาะสมและมีคุณภาพ ในประเทศไทย IEP ได้รับความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมการศึกษาแบบครอบคลุมและเท่าเทียม
IEP เป็นแผนการจัดการศึกษาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับนักเรียนแต่ละคนที่มีความต้องการทางการศึกษาที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ ความบกพร่องทางร่างกาย หรือเด็กที่มีความสามารถพิเศษ แผนนี้จะกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ วิธีการสอน และการประเมินผลที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของนักเรียนแต่ละคน
องค์ประกอบหลักของ IEP ประกอบด้วยการประเมินความต้องการของนักเรียน การกำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว การวางแผนกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และการติดตามประเมินผล แผนนี้จะต้องได้รับการทบทวนและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของนักเรียน
ความหมายและความสำคัญของแผน IEP
แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือ IEP เป็นเอกสารทางกฎหมายที่กำหนดโครงการการศึกษาพิเศษและบริการที่เกี่ยวข้องสำหรับนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ แผนนี้จะระบุความต้องการทางการศึกษาของนักเรียน เป้าหมายการเรียนรู้ บริการการศึกษาพิเศษและบริการที่เกี่ยวข้องที่จะได้รับ รวมถึงวิธีการที่จะใช้ในการวัดผลความก้าวหน้า
ความสำคัญของ IEP อยู่ที่การสร้างโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกันสำหรับเด็กทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างหรือข้อจำกัดที่เด็กมี แผนนี้ช่วยให้ครู ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างมีระบบเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เต็มที่
ในบริบทของประเทศไทย IEP ได้รับการส่งเสริมภายใต้นโยบายการศึกษาแบบครอบคลุม ซึ่งมุ่งเน้นให้เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้รับการศึกษาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียนปกติ โรงเรียนเฉพาะทาง หรือศูนย์การศึกษาพิเศษ
การดำเนินการตาม IEP ต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วยครู ผู้ปกครอง นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ตามความเหมาะสม ทีมนี้จะทำงานร่วมกันในการประเมิน วางแผน ดำเนินการ และติดตามผลการพัฒนาของนักเรียน
องค์ประกอบหลักของแผน IEP
แผน IEP ที่มีประสิทธิภาพจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วนที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ส่วนแรกคือข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน ซึ่งรวมถึงประวัติส่วนตัว ประวัติการเรียน ผลการประเมินต่างๆ และข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นฐานในการวิเคราะห์ความต้องการและการวางแผนการศึกษา
การประเมินสถานภาพปัจจุบันของนักเรียนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของ IEP การประเมินนี้จะครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ด้านสังคม ด้านอารมณ์ ด้านร่างกาย และด้านการดำรงชีวิตประจำวัน การประเมินจะใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เช่น แบบทดสอบมาตรฐาน การสังเกต การสัมภาษณ์ และการประเมินจากผลงาน
เป้าหมายการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของ IEP ซึ่งจะแบ่งเป็นเป้าหมายระยะยาว (Annual Goals) และเป้าหมายระยะสั้น (Short-term Objectives) เป้าหมายเหล่านี้จะต้องมีลักษณะเป็นรูปธรรม วัดผลได้ สามารถบรรลุได้ เกี่ยวข้องกับความต้องการของนักเรียน และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน
การกำหนดบริการการศึกษาพิเศษและบริการที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนสำคัญที่จะระบุว่านักเรียนจะได้รับบริการอะไรบ้าง ความถี่ ระยะเวลา และสถานที่ให้บริการ บริการเหล่านี้อาจรวมถึงการสอนแบบเฉพาะเจาะจง การบำบัดทางกาย การบำบัดทางกิจกรรม การบำบัดทางการพูด การให้คำปรึกษา และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก
การปรับเปลี่ยนหลักสูตรและการประเมิน (Accommodations and Modifications) เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเหมาะสม การปรับเปลี่ยนอาจเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอเนื้อหา การปรับสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การปรับเวลาในการทำกิจกรรม หรือการปรับรูปแบบการประเมินผล
แผนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Planning) เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับนักเรียนที่กำลังจะเปลี่ยนระดับการศึกษาหรือเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แผนนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมให้นักเรียนในด้านต่างๆ เช่น ทักษะการดำรงชีวิต ทักษะอาชีพ หรือการเตรียมตัวเข้าสู่การศึกษาระดับสูงขึ้น
ขั้นตอนการจัดทำแผน IEP
การจัดทำแผน IEP เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนและมีการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนแรกคือการอ้างอิงและการประเมินเบื้องต้น ซึ่งมักเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองหรือครูสังเกตเห็นว่านักเรียนมีความต้องการพิเศษที่แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกัน
หลังจากได้รับการอ้างอิง นักเรียนจะได้รับการประเมินอย่างครอบคลุมจากทีมสหวิชาชีพ การประเมินนี้จะใช้เวลาหลายสัปดาห์และจะครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนา ทีมประเมินจะใช้เครื่องมือที่หลากหลายและเหมาะสมกับอายุและสภาพของนักเรียน
การประชุมทีม IEP เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะรวบรวมข้อมูลจากการประเมินและกำหนดแผนการศึกษา การประชุมนี้จะมีผู้ปกครอง ครู ผู้บริหารโรงเรียน และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เข้าร่วม ในการประชุมจะมีการนำเสนอผลการประเมิน การหารือเกี่ยวกับความต้องการของนักเรียน และการกำหนดเป้าหมายและบริการที่เหมาะสม
การเขียนแผน IEP จะดำเนินการหลังจากการประชุมทีม โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการประเมินและการหารือ แล้วจัดทำเป็นเอกสารที่มีความชัดเจนและครอบคลุม แผนที่เขียนเสร็จแล้วจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ปกครองก่อนเริ่มดำเนินการ
การดำเนินการตามแผนเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ครูและผู้เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยมีการติดตามและบันทึกความก้าวหน้าของนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ
การทบทวนและปรับปรุงแผนจะดำเนินการอย่างน้อยปีละครั้ง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในสภาพของนักเรียน การทบทวนจะพิจารณาว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้บรรลุหรือไม่ บริการที่ให้มีความเหมาะสมหรือไม่ และมีความจำเป็นต้องปรับแผนอย่างไร
บทบาทของผู้ปกครองในแผน IEP
ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในกระบวนการ IEP ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุด ในฐานะที่เป็นผู้ที่รู้จักเด็กดีที่สุด ผู้ปกครองเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความต้องการ ความสนใจ และศักยภาพของเด็ก ข้อมูลที่ผู้ปกครองให้จะช่วยให้ทีมสามารถเข้าใจเด็กได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
ในขั้นตอนการประเมิน ผู้ปกครองมีสิทธิ์ในการให้ความยินยอมหรือไม่ยินยอมต่อการประเมิน การขอข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการประเมิน และการเข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือผลการประเมิน ผู้ปกครองยังสามารถขอให้มีการประเมินเพิ่มเติมหรือขอให้มีผู้เชี่ยวชาพอิสระมาประเมิน หากไม่เห็นด้วยกับผลการประเมิน
ในการประชุมทีม IEP ผู้ปกครองเป็นสมาชิกที่มีความสำคัญเท่าเทียมกับสมาชิกคนอื่นๆ ผู้ปกครองมีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ และเข้าร่วมการตัดสินใจเกี่ยวกับเป้าหมาย บริการ และการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสมสำหรับเด็ก
การติดตามการดำเนินงานตามแผน IEP เป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและโรงเรียน ผู้ปกครองควรติดตามความก้าวหน้าของเด็กอย่างสม่ำเสมอ สื่อสารกับครูเกี่ยวกับการพัฒนาของเด็กที่บ้าน และให้การสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กที่บ้าน
ผู้ปกครองมีสิทธิ์ในการขอให้มีการทบทวนแผน IEP ก่อนกำหนด หากเห็นว่าแผนปัจจุบันไม่เหมาะสมหรือไม่ตอบสนองความต้องการของเด็กได้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ หากผู้ปกครองไม่เห็นด้วยกับแผน IEP หรือการให้บริการ ผู้ปกครองสามารถใช้กระบวนการอุทธรณ์หรือการไกล่เกลี่ยเพื่อแก้ไขปัญหา
การสนับสนุนจากผู้ปกครองที่บ้านมีความสำคัญต่อความสำเร็จของแผน IEP ผู้ปกครองสามารถสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ที่บ้านให้สอดคล้องกับเป้าหมายในแผน ช่วยเสริมสร้างทักษะที่เด็กกำลังพัฒนาที่โรงเรียน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
บทบาทของครูและทีมงานในแผน IEP
ครูมีบทบาทหลักในการดำเนินงานตามแผน IEP โดยเฉพาะครูการศึกษาพิเศษที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และครูห้องเรียนปกติที่เด็กเรียนรวม ครูการศึกษาพิเศษจะทำหน้าที่ในการจัดทำแผนการสอน การปรับแต่งเนื้อหา และการให้บริการสนับสนุนเพิ่มเติม
ครูห้องเรียนปกติจะต้องทำความเข้าใจแผน IEP ของนักเรียนและนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน การปรับเปลี่ยนวิธีการสอน การจัดสภาพแวดล้อม และการประเมินผลตามที่กำหนดในแผน ครูจะต้องมีความยืดหยุ่นและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ทีมสหวิชาชีพประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เช่น นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และนักบำบัดการพูด แต่ละคนจะมีบทบาทเฉพาะตามความเชี่ยวชาญ แต่จะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างครอบคลุม
ผู้บริหารโรงเรียนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานตามแผน IEP โดยการจัดสรรทรัพยากร การให้การสนับสนุนครู และการสร้างนโยบายที่เอื้อต่อการศึกษาแบบครอบคลุม ผู้บริหารต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ IEP เพื่อให้การสนับสนุนได้อย่างเหมาะสม
การประสานงานระหว่างทีมงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แผน IEP ประสบความสำเร็จ ทีมงานต้องมีการสื่อสารที่ดี การแบ่งปันข้อมูล และการประชุมสม่ำเสมอเพื่อติดตามความก้าวหน้าและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
การพัฒนาความรู้และทักษะของครูและทีมงานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินงานตามแผน IEP ที่มีประสิทธิภาพ การอบรมเพิ่มเติม การศึกษาดูงาน และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จะช่วยให้ครูและทีมงานสามารถพัฒนาวิธีการทำงานให้ดีขึ้น
ประเภทของนักเรียนที่ต้องการแผน IEP
นักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้เป็นกลุ่มใหญ่ที่ต้องการแผน IEP ความบกพร่องทางการเรียนรู้อาจเป็นในด้านการอ่าน การเขียน คณิตศาสตร์ หรือความจำ เด็กเหล่านี้มีสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ แต่มีความยากลำบากในการเรียนรู้เฉพาะด้าน การจัดทำ IEP จะช่วยให้เด็กเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม
นักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง จำเป็นต้องมีแผน IEP ที่เน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิต ทักษะทางวิชาการตามความสามารถ และทักษะสังคม การกำหนดเป้าหมายจะเป็นไปตามศักยภาพของแต่ละคน
นักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือสุขภาพ เช่น ความพิการทางการเคลื่อนไหว ความบกพร่องทางการได้ยิน ความบกพร่องทางการมองเห็น หรือโรคเรื้อรัง ต้องการการปรับสภาพแวดล้อมและการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือที่เหมาะสม IEP จะระบุการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นและบริการสนับสนุน
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร
