แผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นอนุบาล 3 ไฟล์ Word แก้ไขได้

“การพัฒนาเด็กปฐมวัยผ่านการเรียนรู้แบบบูรณาการ : แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับอนุบาล 1-3”
การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นอนุบาล 3 ควรเน้นให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาทักษะพื้นฐานทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ดังนี้
แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับอนุบาล 1 (อายุประมาณ 3-4 ปี)
เป้าหมาย:
- พัฒนากล้ามเนื้อเล็กและใหญ่
- ฝึกฝนการช่วยเหลือตนเอง
- ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสาร
- เรียนรู้เรื่องพื้นฐาน เช่น สี รูปทรง และจำนวน
กิจกรรมหลัก:
- กิจกรรมเคลื่อนไหวและการเล่น: เล่นวิ่ง กระโดด เดินตามเส้น ฝึกความสมดุลและการเคลื่อนไหว
- กิจกรรมศิลปะ: วาดภาพ ระบายสี หรือปั้นดินน้ำมันเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมือ
- กิจกรรมการฟังนิทานและร้องเพลง: ส่งเสริมทักษะทางภาษา การฟังและการพูด
- กิจกรรมเรียนรู้ตัวเลขและรูปทรง: แนะนำตัวเลขพื้นฐานและรูปร่างต่าง ๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม
แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับอนุบาล 2 (อายุประมาณ 4-5 ปี)
เป้าหมาย:
- ฝึกทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
- ส่งเสริมการใช้ภาษาที่ซับซ้อนมากขึ้น
- เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมเล็ก ๆ
- พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
กิจกรรมหลัก:
- กิจกรรมการนับและเปรียบเทียบ: เรียนรู้การนับเลข 1-10 และฝึกการเปรียบเทียบสิ่งของ เช่น มากกว่า น้อยกว่า
- กิจกรรมเล่าเรื่อง: ส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาโดยให้เด็กเล่าเรื่องจากภาพที่เห็น
- กิจกรรมประดิษฐ์ของเล่น: ให้เด็กออกแบบและทำของเล่นง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และทักษะมือ
- กิจกรรมเรียนรู้ธรรมชาติ: พาเด็กออกไปเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว เช่น ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้
แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับอนุบาล 3 (อายุประมาณ 5-6 ปี)
เป้าหมาย:
- พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา
- เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเรียนรู้ในระดับประถมศึกษา
- พัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น
- เรียนรู้เรื่องเวลาและการจัดการ
กิจกรรมหลัก:
- กิจกรรมการคิดและแก้ปัญหา: ใช้เกมฝึกสมอง เช่น ต่อจิ๊กซอว์ หรือต่อบล็อก เพื่อฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์
- กิจกรรมฝึกการเขียน: เริ่มฝึกเขียนตัวอักษรและตัวเลข เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียน
- กิจกรรมเรียนรู้เวลาและกิจวัตรประจำวัน: แนะนำเรื่องเวลา การบอกเวลาอย่างง่าย และกิจวัตรประจำวัน เช่น ตอนเช้าคือตื่นนอน ตอนเย็นคือนอน
- กิจกรรมกลุ่ม: ทำกิจกรรมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อฝึกทักษะการทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
แนวทางการจัดการเรียนรู้:
- การใช้ สื่อการสอนที่หลากหลาย เช่น การ์ตูน นิทาน เกม และเพลง เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และทำให้เด็กสนใจ
- การเรียนรู้ผ่าน การเล่น (Play-based learning) ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับเด็กอนุบาล เนื่องจากเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการเล่น
- การ ประเมินผล ควรทำในลักษณะที่ไม่เป็นทางการ เช่น การสังเกตพฤติกรรมและความก้าวหน้าในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อดูพัฒนาการของเด็กในแต่ละด้าน
การจัดแผนการเรียนรู้สำหรับเด็กอนุบาลควรยืดหยุ่นและปรับตามพัฒนาการของเด็กแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับหลักสูตรมากเกินไป
“การออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย : การเตรียมความพร้อมสู่ชั้นประถมศึกษา”
การใช้แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กอนุบาล 1 ถึงอนุบาล 3 มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาเด็กในด้านต่างๆ ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญาอย่างสมดุล การจัดการเรียนรู้ควรออกแบบให้เหมาะสมกับช่วงวัย มีความยืดหยุ่น และเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-based Learning) ซึ่งเป็นรูปแบบที่สำคัญสำหรับเด็กเล็ก แนวทางการใช้แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กอนุบาลสามารถแบ่งออกได้ดังนี้:
1. การวางแผนการสอน
- วิเคราะห์ผู้เรียน: พิจารณาถึงพัฒนาการ ความสนใจ และความสามารถของเด็กแต่ละช่วงวัย
- กำหนดวัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์การเรียนรู้ควรครอบคลุม 4 ด้าน คือ
- ด้านร่างกาย: การพัฒนาการเคลื่อนไหวและความคล่องตัว
- ด้านจิตใจ-อารมณ์: ส่งเสริมความมั่นใจในตัวเอง และการรู้จักควบคุมอารมณ์
- ด้านสังคม: การเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น การเคารพกฎระเบียบ
- ด้านสติปัญญา: การกระตุ้นทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
- เลือกกิจกรรม: ควรเลือกกิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการรอบด้าน เช่น กิจกรรมศิลปะ ดนตรี การเล่านิทาน และกิจกรรมกลางแจ้ง
2. การจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้
- สภาพแวดล้อมปลอดภัยและส่งเสริมการเรียนรู้: จัดห้องเรียนหรือบริเวณเล่นให้เหมาะกับช่วงวัย เพื่อให้เด็กได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ และปลอดภัย
- อุปกรณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย: จัดเตรียมสื่อและอุปกรณ์ที่กระตุ้นความสนใจ เช่น บล็อก ตัวต่อ ดินน้ำมัน ของเล่นสร้างสรรค์
3. การสอนและบทบาทของครู
- การสอนผ่านการเล่น: ครูควรเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น โดยให้เด็กได้สำรวจ ทดลอง และฝึกฝนทักษะ
- การสร้างแรงจูงใจ: ใช้วิธีการให้กำลังใจ ให้คำชมเชยเมื่อเด็กทำได้ดี เพื่อสร้างความมั่นใจและความสุขในการเรียนรู้
- การเป็นผู้แนะนำ: ครูควรทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ ไม่ใช่สั่งสอนตรง ๆ ควรให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยครูเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
4. การประเมินผลพัฒนาการ
- ประเมินอย่างต่อเนื่อง: การประเมินผลไม่ควรเน้นที่ผลการเรียนหรือการสอบ แต่ควรประเมินจากการสังเกตพฤติกรรม การมีส่วนร่วมในกิจกรรม ความร่วมมือกับเพื่อน และพัฒนาการแต่ละด้าน
- ใช้แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio): จัดทำบันทึกผลงานของเด็ก เช่น งานศิลปะ กิจกรรมที่ได้ทำร่วมกัน เพื่อดูความก้าวหน้าตลอดปีการศึกษา
5. การปรับแผนการเรียนรู้ตามความเหมาะสม
แผนการเรียนรู้ควรมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เรียน ครูควรสังเกตพฤติกรรมและการตอบสนองของเด็กเพื่อปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของเด็กแต่ละคน
แนวทางเหล่านี้ช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่ ในบรรยากาศที่สนุกสนานและปลอดภัย
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร


