หนังสือ E-book 40 การจัดเรียนรู้แบบใช้ฐาน เพื่อสร้างประเด็นท้าทาย              

การจัดเรียนรู้แบบใช้ฐาน เพื่อสร้างประเด็นท้าทาย  

กระบวนการเรียนรู้ผ่านฐานปัญหา สร้างสรรค์ความท้าทายเพื่อการพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

การจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐาน (Problem-Based Learning : PBL) เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกันผ่านการจัดการเรียนรู้ที่เริ่มจากการเผชิญกับ “ประเด็นท้าทาย” หรือปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดและหาวิธีการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนหลักในการจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐานเพื่อสร้างประเด็นท้าทาย:

  1. การกำหนดปัญหาหรือประเด็นท้าทาย
  • ครูหรือผู้สอนเลือกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาวิชาและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของผู้เรียน ปัญหานี้ควรมีลักษณะที่ไม่มีคำตอบแน่นอนหรือมีหลายวิธีการแก้ไข
  • ปัญหาควรเป็นปัญหาที่ผู้เรียนสนใจ และมีความสำคัญในชีวิตจริง เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและตั้งใจค้นหาคำตอบ
  1. การวิเคราะห์ปัญหา
  • ผู้เรียนจะทำงานร่วมกันในกลุ่มเพื่อวิเคราะห์ปัญหา แยกแยะส่วนต่าง ๆ ของปัญหา เพื่อระบุประเด็นที่ต้องทำการค้นคว้าหรือหาข้อมูลเพิ่มเติม
  • การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีระบบและการตั้งคำถามที่มีประสิทธิภาพ
  1. การค้นคว้าและการหาความรู้
  • ผู้เรียนทำการค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหา โดยใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  • ขั้นตอนนี้ผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษะการวิจัย การสังเคราะห์ข้อมูล และการคิดเชิงวิเคราะห์
  1. การนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา
  • ผู้เรียนจะนำเสนอแนวทางในการแก้ปัญหา และอาจมีการอภิปรายร่วมกันในกลุ่มหรือกับครู
  • การนำเสนอสามารถเป็นทั้งในรูปแบบของการเขียน รายงาน การพูด หรือการสาธิตวิธีการแก้ปัญหาด้วยวิธีต่าง ๆ
  1. การสะท้อนผลการเรียนรู้
  • หลังจากการนำเสนอ ผู้เรียนและครูจะทำการสะท้อนผลการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์และประเมินผลที่ได้จากการเรียนรู้จากปัญหา

ประโยชน์ของการเรียนรู้แบบใช้ฐาน

  • ผู้เรียนมีโอกาสพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีม
  • กระบวนการเรียนรู้มักจะเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนเกิดความรับผิดชอบและแรงจูงใจในการเรียน
  • การเผชิญกับปัญหาที่ยากและซับซ้อนช่วยให้ผู้เรียนเตรียมพร้อมสำหรับการแก้ปัญหาในชีวิตจริง

การจัดการเรียนรู้แบบนี้จึงเหมาะสำหรับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกัน การคิดอย่างเป็นระบบ

พัฒนาทักษะผ่านการเรียนรู้แบบใช้ฐาน แนวทางการสร้างปัญหาเป็นแรงขับเคลื่อนการเรียนรู้

แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐาน (Problem-Based Learning หรือ PBL) เป็นการสอนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้จากการแก้ปัญหาหรือประเด็นท้าทาย โดยผู้เรียนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์จริงหรือใกล้เคียงกับความเป็นจริง ซึ่งทำให้เกิดการคิด วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ แนวทางการจัดเรียนรู้แบบนี้มุ่งเน้นการฝึกฝนทักษะต่างๆ เช่น ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) การทำงานร่วมกัน และการแก้ปัญหาแบบสร้างสรรค์

แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐานเพื่อสร้างประเด็นท้าทาย

  1. เลือกปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน
    ปัญหาหรือประเด็นท้าทายควรเกี่ยวข้องกับบริบทของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกมีส่วนร่วม เช่น ปัญหาท้องถิ่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่เรียน
  2. ออกแบบปัญหาที่ซับซ้อนและไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
    การตั้งปัญหาควรมีความซับซ้อนพอที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนต้องคิดค้นหาแนวทางการแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรือถูกต้องเพียงคำตอบเดียว
  3. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม
    ให้ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่มเพื่อสร้างการเรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การทำงานร่วมกันจะช่วยเพิ่มพูนทักษะการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร
  4. ผู้สอนเป็นผู้แนะแนวทาง (Facilitator)
    บทบาทของครูหรือผู้สอนใน PBL ไม่ใช่การให้ความรู้โดยตรง แต่เป็นผู้แนะแนวทางหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนค้นหาข้อมูลและหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
  5. การใช้กระบวนการสืบค้นและค้นคว้า
    ผู้เรียนต้องเรียนรู้วิธีการค้นหาข้อมูล การวิเคราะห์ และการประเมินผลข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหา
  6. การสะท้อนผลการเรียนรู้
    หลังจากทำกิจกรรมแก้ปัญหา ผู้เรียนควรได้รับโอกาสในการสะท้อนผลการเรียนรู้ ทบทวนกระบวนการที่ได้ดำเนินการไป และวิจารณ์แนวทางการแก้ปัญหาที่ได้เลือกใช้ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในอนาคต
  7. ประเมินผลการเรียนรู้
    การประเมินผลใน PBL จะเน้นที่กระบวนการคิด การวิเคราะห์ และการแก้ปัญหา รวมถึงการทำงานร่วมกันของกลุ่มมากกว่าการวัดผลจากคำตอบที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว

แนวทางนี้สามารถช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง และสร้างความมั่นใจในการเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต

พลิกโฉมการศึกษาไทย E-book 40 การจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐานที่จะเปลี่ยนชีวิตนักเรียนและครูไทย

ในยุคดิจิทัลที่การศึกษาไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ การปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ E-book เรื่อง “40 การจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐานเพื่อสร้างประเด็นท้าทาย” จึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ โดยนำเสนอแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ครูไทยสามารถสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจ กระตุ้นให้นักเรียนคิดอย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่จำเป็นสำหรับอนาคต

หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เพียงแค่การรวบรวมทฤษฎีการศึกษาแบบดั้งเดิม แต่เป็นคู่มือปฏิบัติที่ได้รับการพัฒนาจากประสบการณ์จริงของครูไทยที่ประสบความสำเร็จในการใช้การจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐาน ซึ่งแต่ละวิธีการที่นำเสนอล้วนผ่านการทดสอบและปรับปรุงจนเหมาะสมกับบริบทของการศึกษาไทย ทำให้ครูสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในห้องเรียนจริง

ความหมายและความสำคัญของการจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐาน

การจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐาน หรือ Base Learning Approach เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการใช้ฐานความรู้เดิมของผู้เรียนเป็นจุดเริ่มต้น แล้วค่อยๆ สร้างความรู้ใหม่บนพื้นฐานนั้น วิธีการนี้มีรากฐานมาจากทฤษฎีการสร้างความรู้ของ Constructivism ที่เชื่อว่าผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อได้เชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับประสบการณ์และความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว

ในบริบทของการศึกษาไทย การใช้ฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากนักเรียนไทยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภาษา และประสบการณ์ชีวิต การใช้ฐานความรู้และประสบการณ์ท้องถิ่นของนักเรียนจะช่วยให้การเรียนรู้เกิดความหมายมากขึ้น และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เรียนกับชีวิตจริง ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียนรู้และสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐานไม่ได้อยู่แค่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจในตนเองและชุมชนของตน เมื่อครูใช้ประสบการณ์และความรู้ท้องถิ่นเป็นจุดเริ่มต้นในการสอน นักเรียนจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนมีค่าและมีความสำคัญ ทำให้เกิดความมั่นใจในการเรียนรู้และกล้าที่จะแสดงออกทางความคิดมากขึ้น

การสร้างประเด็นท้าทายในการเรียนรู้

การสร้างประเด็นท้าทายเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ประเด็นท้าทายที่ดีจะต้องมีลักษณะที่กระตุ้นให้นักเรียนต้องคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหา โดยไม่ยากเกินไปจนท้อแท้ และไม่ง่ายเกินไปจนเบื่อหน่าย หลักการสำคัญในการสร้างประเด็นท้าทายคือการสร้างสมดุลระหว่างความยากและความสามารถของนักเรียน ซึ่งนักจิตวิทยาการศึกษาเรียกว่า Zone of Proximal Development

ประเด็นท้าทายที่มีคุณภาพจะต้องมีองค์ประกอบหลายประการ ประการแรกคือความเกี่ยวข้องกับชีวิตจริง เมื่อนักเรียนเห็นว่าสิ่งที่เรียนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ พวกเขาจะให้ความสนใจและพยายามเรียนรู้มากขึ้น ประการที่สองคือความเปิดกว้าง ประเด็นท้าทายควรมีคำตอบที่หลากหลาย ไม่ใช่คำตอบเดียวที่ถูกต้อง เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกคิดอย่างสร้างสรรค์และไม่จำกัดจินตนาการ

ประการที่สามคือความต่อเนื่อง ประเด็นท้าทายควรเชื่อมโยงกันเป็นลำดับ เริ่มจากง่ายไปยาก เพื่อให้นักเรียนได้สะสมความรู้และทักษะอย่างเป็นระบบ ประการสุดท้ายคือการมีส่วนร่วม ประเด็นท้าทายควรเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเดี่ยว การทำงานกลุ่ม หรือการนำเสนอผลงาน เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้

40 วิธีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย

E-book นี้นำเสนอ 40 วิธีการจัดการเรียนรู้แบบใช้ฐานที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี แต่ละวิธีมีความเฉพาะตัวและเหมาะสมกับสถานการณ์การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน วิธีการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การใช้เทคโนโลยี การใช้เกม การเล่าเรื่อง การทดลอง การจำลองสถานการณ์ ไปจนถึงการใช้ศิลปะและดนตรีในการเรียนรู้

วิธีการที่ 1 คือการใช้แผนที่ความคิด ซึ่งเป็นการจัดระเบียบข้อมูลและความคิดในรูปแบบที่เป็นภาพ วิธีนี้ช่วยให้นักเรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมได้อย่างเป็นระบบ และช่วยในการจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น วิธีการที่ 2 คือการใช้เรื่องเล่า ซึ่งเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะกับวัฒนธรรมไทยที่ชอบการฟังเรื่องเล่า วิธีนี้ช่วยให้นักเรียนจดจำเนื้อหาได้ดีและสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง

วิธีการที่ 3 คือการใช้เกมการศึกษา ซึ่งเป็นการนำองค์ประกอบของเกมมาใช้ในการเรียนการสอน ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกและน่าตื่นเต้น วิธีการที่ 4 คือการจำลองสถานการณ์ ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้ฝึกทักษะในสถานการณ์ที่คล้ายกับความจริงโดยไม่มีความเสี่ยง วิธีการที่ 5 คือการใช้โครงงาน ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ ให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาจริง

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้

เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนรู้ E-book นี้นำเสนอการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้แอปพลิเคชันการศึกษา การใช้โซเชียลมีเดียในการเรียนรู้ การใช้เกมออนไลน์ ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality ในการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าประทับใจ

การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ไม่ได้หมายถึงการแทนที่บทบาทของครูด้วยเทคโนโลジี แต่เป็นการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ ครูยังคงมีบทบาทสำคัญในการแนะนำ กำกับ และประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียน เทคโนโลยีเพียงช่วยให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น และทำให้นักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลและความรู้ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

วิธีการที่ 15 ในหนังสือคือการใช้ QR Code ในการเรียนรู้ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงโลกจริงกับโลกดิจิทัล นักเรียนสามารถใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code เพื่อเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติม วิดีโอ หรือแบบฝึกหัดออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับบทเรียน วิธีการที่ 16 คือการใช้แอปพลิเคชันการทำแบบทดสอบออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ครูสามารถประเมินความเข้าใจของนักเรียนได้ทันที และปรับเปลี่ยนการสอนตามผลที่ได้

การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เอื้ออำนวย

บรรยากาศการเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียน E-book นี้ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เปิดกว้าง และสนับสนุนการเรียนรู้ การสร้างบรรยากาศที่ดีเริ่มต้นจากทัศนคติของครู ครูต้องแสดงให้เห็นว่าผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกตัดสิน

การจัดที่นั่งในห้องเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การจัดที่นั่งแบบกลุ่มจะส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการสื่อสาร ขณะที่การจัดที่นั่งแบบคู่จะเหมาะกับกิจกรรมที่ต้องการความเข้มข้นในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การตกแต่งห้องเรียนด้วยผลงานของนักเรียนจะช่วยให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจและมีความรู้สึกเป็นเจ้าของห้องเรียน

แสงสว่างและเสียงก็เป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม แสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียน และเสียงที่เหมาะสมจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ บางครั้งการเปิดเพลงเบาๆ ขณะทำกิจกรรมกลุ่มจะช่วยให้นักเรียนรู้สึกผ่อนคลายและสร้างสรรค์มากขึ้น

การประเมินผลและการให้ข้อมูลป้อนกลับ

การประเมินผลเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มักจะถูกมองข้าม E-book นี้นำเสนอวิธีการประเมินผลที่หลากหลาย ไม่เพียงแค่การสอบข้อเขียนแบบดั้งเดิม แต่รวมถึงการประเมินผลงาน การสังเกตพฤติกรรม การให้นักเรียนประเมินตนเอง และการประเมินจากเพื่อน วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้ครูได้ข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับความก้าวหน้าของนักเรียน

การให้ข้อมูลป้อนกลับที่มีคุณภาพจะต้องเป็นข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง ทันเวลา และสร้างสรรค์ ข้อมูลป้อนกลับควรชี้ให้เห็นทั้งจุดเด่นและจุดที่ต้องปรับปรุง พร้อมกับคำแนะนำที่ชัดเจนว่าควรทำอย่างไรเพื่อพัฒนาต่อไป การให้ข้อมูลป้อนกลับไม่ควรเป็นเพียงคะแนนหรือเกรด แต่ควรเป็นข้อความที่สื่อความหมายและช่วยในการเรียนรู้

วิธีการที่ 25 ในหนังสือคือการใช้ Portfolio Digital ซึ่งเป็นการรวบรวมผลงานของนักเรียนในรูปแบบดิจิทัล วิธีนี้ช่วยให้นักเรียนเห็นความก้าวหน้าของตนเองอย่างชัดเจน และสามารถแบ่งปันผลงานกับผู้อื่นได้ง่าย วิธีการที่ 26 คือการใช้ Peer Assessment ซึ่งเป็นการให้นักเรียนประเมินงานของเพื่อน วิธีนี้ช่วยส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการให้ข้อมูลป้อนกลับที่สร้างสรรค์

การพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21

ทักษะศตวรรษที่ 21 เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตและทำงานในยุคปัจจุบัน E-book นี้เน้นการพัฒนาทักษะเหล่านี้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ทักษะหลักที่ให้ความสำคัญได้แก่ ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานร่วมกัน ทักษะการใช้เทคโนโลยี และทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์สามารถพัฒนาผ่านกิจกรรมการวิเคราะห์ข้อมูล การตั้งคำถาม และการประเมินข้อมูลจากแหล่งต่างๆ วิธีการที่ 30 ในหนังสือคือการใช้ Case Study ซึ่งให้นักเรียนวิเคราะห์สถานการณ์จริงและหาทางแก้ไข วิธีนี้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ

ทักษะการสื่อสารสามารถพัฒนาผ่านกิจกรรมการนำเสนอ การเขียน และการสนทนา วิธีการที่ 31 คือการใช้ Storytelling ดิจิทัล ซึ่งให้นักเรียนสร้างเรื่องเล่าผ่านสื่อดิจิทัล วิธีนี้ช่วยพัฒนาทั้งทักษะการสื่อสารและทักษะการใช้เทคโนโลยีไปพร้อมกัน ทักษะการทำงานร่วมกันสามารถพัฒนาผ่านโครงงานกลุ่มและกิจกรรมที่ต้องการความร่วมมือ

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

การจัดเรียนรู้แบบใช้ฐาน เพื่อสร้างประเด็นท้าทาย  
การจัดเรียนรู้แบบใช้ฐาน เพื่อสร้างประเด็นท้าทาย  

ขอบคุณแหล่งที่มา : คุณณัฐวิญญ์ สิรเดชธราทิพย์

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด