คู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู

“คู่มือการดำเนินการประเมินตำแหน่งครูและวิทยฐานะ : แนวทางและขั้นตอนปฏิบัติ”

คู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู

หลักการและเป้าหมาย

การประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในตำแหน่งครู มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน พัฒนาศักยภาพของครู และสร้างความก้าวหน้าในวิชาชีพผ่านการประเมินที่สอดคล้องกับสมรรถนะของครูในแต่ละระดับ

หลักเกณฑ์และประเภทการประเมิน

1. การประเมินตามสมรรถนะ

• เน้นการวัดความสามารถในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการชั้นเรียน การสร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนการสอนที่มีความหมาย และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมประสิทธิภาพการสอน

1. การประเมินผลการปฏิบัติงาน

• ประเมินผลการดำเนินงานตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ โดยพิจารณาจากการทำงานที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของนักเรียน รวมถึงการสื่อสารและประสานงานกับผู้ปกครอง

1. การประเมินวิจัยทางการศึกษา

• ครูต้องดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาการสอนหรือนวัตกรรมการศึกษา ซึ่งผลการวิจัยควรเป็นประโยชน์และนำไปประยุกต์ใช้จริงในสถานศึกษา

1. การประเมินพัฒนาการของนักเรียน

• พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยจะวิเคราะห์จากความสามารถของนักเรียนในการแสดงออกทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ขั้นตอนการประเมิน

1. การเตรียมเอกสาร

• ครูต้องจัดเตรียมเอกสารประกอบการประเมินตามหลักฐานที่แสดงถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าในงานที่รับผิดชอบ เช่น ผลงานวิจัย ผลการสอนที่โดดเด่น และแผนการพัฒนานักเรียน

1. การเสนอขอรับการประเมิน

• ครูสามารถยื่นคำขอรับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะต่อหน่วยงานต้นสังกัด โดยมีการพิจารณาจากคณะกรรมการประเมิน

1. การตรวจสอบและประเมินผล

• คณะกรรมการจะดำเนินการตรวจสอบเอกสารและประเมินสมรรถนะและผลงานของครูอย่างละเอียด

1. การตัดสินและการประกาศผล

• เมื่อผ่านการประเมินแล้ว ครูจะได้รับการเลื่อนวิทยฐานะตามตำแหน่งที่เหมาะสม

วิทยฐานะครู

การประเมินวิทยฐานะของครูแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่

1. ครูชำนาญการ
2. ครูชำนาญการพิเศษ
3. ครูเชี่ยวชาญ
4. ครูเชี่ยวชาญพิเศษ

ข้อกำหนดเพิ่มเติม

• การประเมินวิทยฐานะจะต้องทำทุก 4 ปี หรือเมื่อมีผลงานที่สามารถยื่นขอเลื่อนวิทยฐานะได้
• ครูต้องมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

การประเมินนี้ไม่เพียงแต่เป็นการวัดความสามารถในการสอน แต่ยังเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ

“การประเมินวิทยฐานะข้าราชการครู : ขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่ต้องรู้”

แนวทางการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูนั้นจะถูกกำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลและจัดการเกี่ยวกับการพัฒนาทางวิชาชีพของครู โดยการประเมินวิทยฐานะมีเป้าหมายเพื่อให้ครูพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะในวิชาชีพ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เรียน

แนวทางการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่:

1. หลักเกณฑ์ในการประเมินวิทยฐานะ

การประเมินวิทยฐานะจะพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น

• ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ: ครูต้องมีความรู้เชิงวิชาการและทักษะที่ทันสมัย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน
• การปฏิบัติงานในหน้าที่: ครูต้องมีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนานักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
• การพัฒนาตนเอง: ครูต้องมีการพัฒนาตนเองทั้งด้านความรู้และทักษะในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
• ผลงานทางวิชาการ: ครูต้องมีผลงานวิจัยหรืองานวิชาการที่ส่งเสริมการเรียนการสอน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษา
• คุณธรรมและจริยธรรม: ครูต้องมีความประพฤติที่เหมาะสม เป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้เรียน

2. วิธีการประเมิน

• การประเมินจากผลการปฏิบัติงาน: ใช้เกณฑ์ประเมินจากแผนการสอนที่จัดทำขึ้น การเรียนการสอนในห้องเรียน และผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน รวมถึงการบริหารจัดการในโรงเรียน
• การประเมินเอกสารและผลงาน: ครูต้องจัดทำเอกสารและรายงานผลงานตามที่กำหนด เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าและคุณภาพในการสอน
• การสัมภาษณ์และการสังเกตการสอน: ในบางกรณี อาจมีการสัมภาษณ์หรือการสังเกตการสอนโดยคณะกรรมการประเมิน เพื่อยืนยันถึงความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของครู

3. ขั้นตอนการดำเนินการ

1. การยื่นคำขอ: ครูที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์สามารถยื่นคำขอประเมินวิทยฐานะได้
2. การตรวจสอบและประเมิน: คณะกรรมการจะดำเนินการตรวจสอบและประเมินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
3. การตัดสินและประกาศผล: หากผ่านการประเมิน ครูจะได้รับการเลื่อนขั้นหรือวิทยฐานะตามตำแหน่งที่ยื่นประเมิน

แนวทางนี้เป็นกระบวนการที่ช่วยส่งเสริมให้ครูมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้เรียนในระยะยาว

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักงาน ก.ค.ศ.