คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี

คู่มือปฏิบัติงานสำหรับครูปฐมวัย การดูแลและพัฒนาเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ตามหลักสูตร พ.ศ. 2560
คู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยมีเป้าหมายให้เด็กสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพตามธรรมชาติ
องค์ประกอบหลักของหลักสูตร
- พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน
- ด้านร่างกาย : ส่งเสริมการเคลื่อนไหว ความแข็งแรง และการประสานงานของกล้ามเนื้อใหญ่และเล็ก
- ด้านอารมณ์และจิตใจ : ส่งเสริมความมั่นคงทางอารมณ์ การแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความมั่นใจในตัวเอง
- ด้านสังคม : ส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง การเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น และการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตร่วมกับสังคม
- ด้านสติปัญญา : ส่งเสริมการคิด การสำรวจ และการแก้ปัญหา พร้อมกับการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง
- แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้:
- การเล่น เป็นวิธีการหลักในการจัดกิจกรรม เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริง โดยผ่านการเล่นอย่างมีเป้าหมายและมีความหลากหลาย
- สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเด็ก เช่น การจัดมุมการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและท้าทาย
- บทบาทของครูและผู้ปกครอง
- ครูและผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนพัฒนาการของเด็ก โดยการเป็นผู้ให้คำแนะนำ สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างที่ดี
- การประเมินผลพัฒนาการของเด็ก
- การประเมินผลเน้นที่การสังเกตและการบันทึกพัฒนาการในแต่ละด้านของเด็ก โดยใช้วิธีการที่หลากหลายและไม่ใช่การสอบ
เป้าหมายของหลักสูตร
เพื่อให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ได้พัฒนาอย่างเต็มที่ในทุกด้านของชีวิต ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตและการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
หลักสูตรนี้เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เหมาะสมและสนับสนุนพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยนี้
การจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กเล็กตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 การดูแลและส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เป็นแนวทางในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการที่สมดุลในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี (แรกเกิดถึง 3 ขวบ) หลักสูตรนี้เน้นการดูแลและส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่หรือผู้ดูแลที่มีความรู้ความเข้าใจ
หลักการสำคัญของหลักสูตรสำหรับเด็กต่ำกว่า 3 ปี
- การพัฒนาทางกาย : สนับสนุนให้เด็กเคลื่อนไหวอย่างอิสระ และมีกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงการพัฒนาทักษะมอเตอร์ที่เหมาะสมตามวัย
- การพัฒนาทางอารมณ์และจิตใจ : ส่งเสริมให้เด็กมีความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจผ่านการดูแลที่มีความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจจากผู้ดูแล
- การพัฒนาทางสังคม : สนับสนุนให้เด็กเรียนรู้การเข้าสังคมผ่านการเล่นร่วมกับผู้อื่น การพัฒนาทักษะทางภาษาผ่านการสนทนากับผู้ใหญ่และเพื่อน
- การพัฒนาทางสติปัญญา : การเรียนรู้เกิดขึ้นผ่านการสำรวจและทดลองของเด็ก เช่น การเล่นบทบาทสมมติ หรือการสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ปลอดภัยและกระตุ้นการคิด
การใช้หลักสูตรนี้เน้นให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างยืดหยุ่น ไม่กดดันเด็ก และใช้วิธีการที่เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย โดยผู้ดูแลมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
การศึกษาปฐมวัยเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ในทุกด้าน หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดแนวทางการจัดการศึกษาสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีอย่างชัดเจน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่เหมาะสมกับวัยและความต้องการเฉพาะของเด็กในช่วงวัยนี้ การเข้าใจหลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้ปกครองและครูผู้สอนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก
ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
เด็กในช่วงอายุ 0-3 ปีเป็นช่วงเวลาทองของการเรียนรู้ที่สมองพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุดในชีวิต การให้การศึกษาที่เหมาะสมในช่วงนี้จะส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กในอนาคต หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กวัยนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่เด็กมีความสามารถในการเรียนรู้สูงและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด
การศึกษาในช่วงวัยนี้ไม่ได้หมายถึงการเรียนการสอนแบบเป็นทางการเหมือนเด็กโต แต่เป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่เน้นการเล่น การสำรวจ และการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เด็กในวัยนี้เรียนรู้ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า การเคลื่อนไหว และการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ดังนั้นการจัดสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้เด็กได้สำรวจและเรียนรู้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
หลักการสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 มีหลักการสำคัญหลายประการที่เป็นรากฐานในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี หลักการแรกคือการมุ่งเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความสำคัญกับความต้องการและความสนใจของเด็กแต่ละคนที่อาจแตกต่างกัน การจัดการศึกษาจึงต้องยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
หลักการที่สองคือการเรียนรู้ผ่านการเล่น เด็กในวัยนี้เรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านกิจกรรมการเล่นที่สนุกสนานและมีความหมาย การเล่นไม่ได้เป็นเพียงความบันเทิงแต่เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่สำคัญ ทำให้เด็กพัฒนาทักษะทางสังคม อารมณ์ สติปัญญา และร่างกาย
หลักการที่สามคือการพัฒนาแบบองค์รวม หลักสูตรมุ่งเน้นการพัฒนาเด็กในทุกด้านอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยไม่แยกแยะออกจากกัน แต่พัฒนาไปพร้อมๆ กันผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย
หลักการที่สี่คือการให้ความสำคัญกับความปลอดภัย เด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถประเมินอันตรายได้เต็มที่ จึงต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ต้องปลอดภัยและเหมาะสม ผู้ใหญ่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
ด้านการพัฒนาตามหลักสูตร
การพัฒนาด้านร่างกาย
การพัฒนาด้านร่างกายเป็นรากฐานสำคัญสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เด็กในวัยนี้กำลังพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กอย่างรวดเร็ว หลักสูตรได้กำหนดให้มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวของร่างกายในรูปแบบต่างๆ เช่น การคลาน การเดิน การวิ่ง การปีนป่าย และการใช้มือจับสิ่งของ
กิจกรรมการพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ควรจัดในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหว และมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับวัย เช่น บอลขนาดต่างๆ หมอนนุ่มๆ ของเล่นที่สามารถซ่อนและหา หรือของเล่นที่กระตุ้นให้เด็กเคลื่อนไหวตามไป การพัฒนากล้ามเนื้อเล็กมีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำหรับทักษะการเขียนในอนาคต
การให้อาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนตามหลักโภชนาการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านร่างกาย เด็กในวัยนี้ต้องการสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาสมอง การสร้างนิสัยการกินที่ดีตั้งแต่เล็กจะช่วยสร้างรากฐานสุขภาพที่แข็งแรงตลอดชีวิต
การพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจ
การพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่เด็กเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองและความรู้สึกของตนเอง เด็กในวัยนี้มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็วและยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เต็มที่ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ดูแลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง
ผู้ดูแลต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงอารมณ์และการจัดการกับความรู้สึก การตอบสนองต่อความต้องการของเด็กอย่างอบอุ่นและสม่ำเสมอจะช่วยสร้างความมั่นใจและความรู้สึกปลอดภัยให้กับเด็ก เมื่อเด็กรู้สึกปลอดภัย เด็กจะมีความกล้าที่จะสำรวจและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
การจัดกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาความเข้าใจในอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น เช่น การเล่านิทานที่มีตัวละครแสดงอารมณ์ต่างๆ การร้องเพลงที่สื่ออารมณ์ หรือการเล่นเกมง่ายๆ ที่ต้องสังเกตและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะทางอารมณ์และสังคมได้ดียิ่งขึ้น
การพัฒนาด้านสังคม
การพัฒนาด้านสังคมเริ่มต้นจากความสัมพันธ์กับผู้ดูแลหลัก เด็กในวัยนี้เรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านการสังเกตและเลียนแบบ การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีการปฏิสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะทางสังคมได้ดี
การเล่นร่วมกับเด็กคนอื่นๆ แม้ว่าจะยังไม่สามารถเล่นร่วมกันอย่างมีระเบียบแบบแผนได้ แต่การอยู่ใกล้กันและสังเกตกันจะช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน การรอคิว และการเคารพในสิทธิของผู้อื่น
กิจกรรมกลุ่มขนาดเล็กเหมาะสมสำหรับเด็กวัยนี้ เช่น การนั่งวงกลมฟังเพลง การเล่นของเล่นร่วมกัน หรือการทำกิจกรรมศิลปะง่ายๆ ร่วมกัน การมีกฎเกณฑ์ง่ายๆ ที่เข้าใจได้จะช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับการอยู่ในสังคม
การพัฒนาด้านสติปัญญา
การพัฒนาด้านสติปัญญาในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีเกิดขึ้นผ่านการสำรวจและการทดลอง เด็กในวัยนี้เรียนรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งต่างๆ ผ่านการสัมผัส การได้ยิน การดู การดม และการลิ้มรส การจัดสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งของที่หลากหลายและปลอดภัยสำหรับการสำรวจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การพัฒนาทักษะการคิดเริ่มต้นจากการสังเกตและการจดจำ เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุและผล การจำแนกแยกแยะ และการแก้ปัญหาง่ายๆ เช่น การหาทางเอาของเล่นที่ตกไปอยู่ใต้โซฟาออกมา หรือการเรียงลำดับสิ่งของตามขนาดหรือสี
ภาษามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสติปัญญา การพูดคุยกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ การเล่านิทาน การร้องเพลง และการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวจะช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาและการคิด เด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถพูดได้ชัดเจนแต่สามารถเข้าใจภาษาได้มาก การใช้คำง่ายๆ ที่ชัดเจนและการทำซ้ำจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี
การพัฒนาด้านภาษาและการสื่อสาร
การพัฒนาด้านภาษาเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีเรียนรู้ภาษาอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภาษาที่หลากหลายและมีความหมายจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาด้านนี้
การพูดคุยกับเด็กตั้งแต่เกิดมีความสำคัญมาก แม้ว่าเด็กจะยังตอบไม่ได้แต่การได้ยินคำพูดจะช่วยพัฒนาการรับรู้เสียงและการเข้าใจภาษา การบรรยายสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน การตั้งชื่อสิ่งของต่างๆ และการใช้คำศัพท์ที่หลากหลายจะช่วยขยายคลังคำศัพท์ของเด็ก
การอ่านหนังสือให้ฟังเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าเด็กจะยังไม่เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดแต่การได้ฟังจังหวะของภาษา การดูรูปภาพ และการเชื่อมโยงคำกับภาพจะช่วยพัฒนาทักษะการอ่านในอนาคต หนังสือที่เหมาะสมควรมีรูปภาพที่สวยงาม เรื่องราวง่ายๆ และใช้คำที่เข้าใจง่าย
เพลงและจังหวะเป็นเครื่องมือที่ดีในการพัฒนาทักษะทางภาษา การร้องเพลงจะช่วยให้เด็กจำคำศัพท์ได้ดีขึ้นและเรียนรู้จังหวะของภาษา การใช้เสียงดนตรีประกอบการเล่าเรื่องหรือการร้องเพลงโบราณจะช่วยให้เด็กสนใจและจดจำได้ดี
วิธีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
สภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีต้องปลอดภัยเป็นอันดับแรก การจัดพื้นที่ให้มีความปลอดภัยสูงสุดโดยการกำจัดสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย การปิดเต้าเสียบไฟ การตัดขอบมุมของเฟอร์นิเจอร์ และการเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษ ความสะอาดของสภาพแวดล้อมก็มีความสำคัญเนื่องจากเด็กในวัยนี้ชอบนำสิ่งของเข้าปาก
การจัดพื้นที่ให้มีความหลากหลายและน่าสนใจจะกระตุ้นให้เด็กอยากสำรวจ ควรมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น พื้นที่อ่านหนังสือ พื้นที่เล่นของเล่น พื้นที่ศิลปะ และพื้นที่การเคลื่อนไหว การใช้สีสันที่สดใสแต่ไม่ฉูดฉาดเกินไปจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้
แสงสว่างและการระบายอากาศที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับสุขภาพและการเรียนรู้ แสงธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแต่หากไม่เพียงพอต้องมีแสงไฟที่เหมาะสม อากาศที่ถ่ายเทได้ดีจะช่วยป้องกันเชื้อโรคและทำให้เด็กรู้สึกสบาย
การเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย
กิจกรรมสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีต้องเหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย เด็กอายุ 0-6 เดือนต้องการกิจกรรมที่กระตุ้นประสาทสัมผัส เช่น การมองสีสันสดใส การฟังเพลงเบาๆ การสัมผัสพื้นผิวที่นุ่มนวล และการเคลื่อนไหวเบาๆ กิจกรรมในช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการปฏิสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้ดูแล
เด็กอายุ 6-18 เดือนเริ่มเคลื่อนไหวได้มากขึ้นและสนใจสำรวจสิ่งแวดล้อม กิจกรรมที่เหมาะสมคือการเล่นของเล่นที่สามารถจับถือได้ การคลานไปมา การเปิดปิดกล่อง การใส่สิ่งของเข้าออกจากภาชนะ และการเลียนแบบการกระทำง่ายๆ
เด็กอายุ 18-36 เดือนมีความสามารถในการเคลื่อนไหวและการสื่อสารมากขึ้น กิจกรรมที่เหมาะสมคือการเล่นแบบมีจินตนาการ การทำกิจกรรมศิลปะง่ายๆ การฟังเพลงและร่วมร้อง การเล่นเกมง่ายๆ และการช่วยทำงานบ้านตามความสามารถ
การใช้ของเล่นและสื่อการเรียนรู้
ของเล่นสำหรับเด็กวัยนี้ต้องปลอดภัยเป็นอันดับแรก ไม่มีส่วนที่แหลมคม ขนาดไม่เล็กเกินไปจนกลืนได้ และทำจากวัสดุที่ไม่เป็นพิษ ของเล่นที่ดีควรกระตุ้นการพัฒนาในหลายด้านพร้อมกัน เช่น ของเล่นที่มีเสียง สี และพื้นผิวที่แตกต่างกัน
ของเล่นประเภทบล็อกเป็นของเล่นที่มีประโยชน์มากสำหรับเด็กทุกวัย ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมือ ทักษะการแก้ปัญหา และจินตนาการ การเลือกบล็อกที่มีขนาดเหมาะสมกับมือเด็กและไม่เป็นอันตรายเป็นสิ่งสำคัญ
หนังสือสำหรับเด็กวัยนี้ควรมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ทำจากผ้าหรือไวนิลที่ไม่ฉีกง่าย มีรูปภาพที่สดใสและชัดเจน มีพื้นผิวที่หลากหลายให้สัมผัส หรือมีเสียงประกอบ การเลือกหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเด็กจะช่วยให้เด็กเข้าใจและสนใจมากขึ้น
ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

