หนังสือ รายวิชาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย Educational Curriculum for Early Childhood

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย การวางรากฐานเพื่ออนาคตเด็กเล็ก

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย หรือ Early Childhood Curriculum มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานทางการศึกษาสำหรับเด็กเล็ก ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนาการด้านสมอง การเรียนรู้ และการสังคมสูงสุด การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมในวัยนี้จึงส่งผลให้เด็กมีทักษะทางความคิด การสื่อสาร และการเข้าสังคมที่ดี

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้รับการออกแบบให้ครอบคลุมองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การพัฒนาทางด้านร่างกาย ความรู้สึกนึกคิด ทักษะทางภาษา และทักษะการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การใช้หลักสูตรที่เหมาะสมช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่น การสำรวจ การทดลอง และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กวัยนี้

หลักสูตรปฐมวัยที่ดีควรคำนึงถึงการสร้างเสริมความมั่นใจในตนเองให้กับเด็ก ให้พวกเขามีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ การส่งเสริมให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ในรูปแบบการเล่นนั้นจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยมีความสำคัญต่อการวางรากฐานในการเรียนรู้และการพัฒนาของเด็ก เป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้ที่ไม่เพียงแต่เน้นด้านวิชาการ แต่ยังเน้นพัฒนาทักษะสังคม ความคิดสร้างสรรค์ และการพึ่งพาตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ

แนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรปฐมวัย

การจัดการเรียนรู้ในระดับปฐมวัยเป็นขั้นตอนสำคัญในการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก การจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่ดีและเสริมสร้างพัฒนาการในทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม

วิธีการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยควรเน้นที่การเรียนรู้ผ่านการเล่น (Play-Based Learning) เพราะเป็นวิธีการที่ส่งเสริมให้เด็กมีความสุขและเกิดการเรียนรู้อย่างเต็มที่ การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะทำให้เด็กได้ฝึกทักษะต่างๆ เช่น การสังเกต การคิดวิเคราะห์ การใช้จินตนาการ และการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา

นอกจากนี้ การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรปฐมวัยยังควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ ซึ่งควรเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เปิดโอกาสให้เด็กได้ทดลองและค้นพบสิ่งใหม่ๆ ด้วยตนเอง การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น ศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว และการทดลอง จะช่วยให้เด็กได้มีโอกาสฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในทุกด้าน

แนวทางการจัดการเรียนรู้ในระดับปฐมวัยที่ดีคือการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเล่นและการมีส่วนร่วมของเด็ก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยจะช่วยให้เด็กได้พัฒนาตัวเองอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็กสำหรับการเรียนรู้ที่ซับซ้อนขึ้นในอนาคต

ประโยชน์ของการศึกษาปฐมวัยต่อพัฒนาการของเด็ก

การศึกษาปฐมวัยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กในทุกๆ ด้าน การศึกษาในวัยนี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมด้านการเรียนรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นการปลูกฝังนิสัยและทัศนคติที่ดีให้กับเด็ก ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์และมีคุณภาพในอนาคต

การศึกษาปฐมวัยช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเองและการปรับตัวของเด็ก การที่เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่น การวาดรูป การร้องเพลง และการเล่าเรื่อง ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ทักษะพื้นฐานในการเข้าสังคม เช่น การแบ่งปัน การรอคอย และการฟังผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม

นอกจากนี้ การศึกษาปฐมวัยยังช่วยพัฒนาทักษะทางด้านภาษา ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะในการแก้ปัญหา การที่เด็กได้มีโอกาสทดลอง ค้นพบ และสำรวจสิ่งรอบตัวจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมอง ทำให้เด็กมีความคิดที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ดีในสถานการณ์ต่างๆ

การศึกษาปฐมวัยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม การเรียนรู้ที่เหมาะสมในช่วงวัยนี้จะเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองในอนาคต การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการพัฒนาเด็กให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่ครอบคลุมและทันสมัย พัฒนาเด็กไทยสู่อนาคตที่สดใส

การศึกษาปฐมวัยถือเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาศักยภาพของเด็กไทย เนื่องจากช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่สมองของเด็กมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและเป็นช่วงทองคำในการเรียนรู้ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยจึงต้องได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบ ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนา และสอดคล้องกับบริบทสังคมไทยและมาตรฐานสากล การเข้าใจถึงองค์ประกอบหลักและรายละเอียดของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยจะช่วยให้ผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถสนับสนุนการพัฒนาเด็กได้อย่างเหมาะสม

รายวิชาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทยได้รับการพัฒนาตามหลักการสากลและปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย โดยเน้นการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายและเหมาะสมกับวัยของเด็ก การศึกษาปฐมวัยไม่ใช่เพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาเท่านั้น แต่เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคม

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสมัยใหม่ต้องตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความท้าทายใหม่ๆ ที่เด็กจะต้องเผชิญในอนาคต ดังนั้นการออกแบบหลักสูตรจึงต้องคำนึงถึงทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งรักษาคุณค่าและเอกลักษณ์ของความเป็นไทยไว้ด้วย

ความสำคัญของการศึกษาปฐมวัยในการพัฒนาเด็กไทย

การศึกษาปฐมวัยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเด็กไทย เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองของเด็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็วที่สุด งานวิจัยทางประสาทวิทยาศาสตร์พบว่าในช่วงอายุ 0-6 ปี เซลล์ประสาทของเด็กจะสร้างการเชื่อมต่อกันถึง 700-1000 การเชื่อมต่อต่อวินาที ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาการในด้านต่างๆ ตลอดชีวิต

ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีในช่วงปฐมวัยจะช่วยเสริมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเด็กในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้ภาษา การคิดและการแก้ไขปัญหา การควบคุมอารมณ์ การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เด็กที่ได้รับการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการเรียนและการใช้ชีวิตมากกว่าเด็กที่ไม่ได้รับโอกาสดังกล่าว

ในบริบทของสังคมไทย การศึกษาปฐมวัยยังมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังคุณค่าและวัฒนธรรมไทยให้กับเด็ก ผ่านการเล่าเรื่องพื้นบ้าน การทำกิจกรรมประเพณีและวัฒนธรรม การฟังเพลงไทย และการเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นไทย สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของตนเองและความเข้าใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในสังคม เด็กจากครอบครัวที่มีฐานะเศรษฐกิจต่างกันจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน ส่งผลให้สังคมมีความเป็นธรรมมากขึ้นและเด็กทุกคนมีโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ โดยไม่จำกัดด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัว

หลักการพื้นฐานของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพต้องยึดหลักการพื้นฐานที่สำคัญหลายประการ ประการแรกคือหลักการพัฒนาการตามธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงการเคารพในลำดับขั้นและจังหวะการพัฒนาของเด็กแต่ละคน เด็กแต่ละคนมีจุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาที่แตกต่างกัน และมีความพร้อมในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน หลักสูตรที่ดีจึงต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับความแตกต่างเหล่านี้

หลักการที่สองคือการเรียนรู้ผ่านการเล่นและประสบการณ์ตรง การเล่นเป็นภาษาธรรมชาติของเด็กและเป็นช่องทางหลักในการเรียนรู้ของพวกเขา ผ่านการเล่น เด็กจะได้สำรวจโลกรอบตัว ทดลองความคิดใหม่ๆ พัฒนาทักษะทางสังคม และเรียนรู้การแก้ไขปัญหา หลักสูตรจึงต้องบูรณาการการเรียนรู้เข้าไปในกิจกรรมการเล่นอย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนาน

หลักการที่สามคือการพัฒนาอย่างองค์รวม หลักสูตรต้องคำนึงถึงการพัฒนาเด็กในทุกด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา โดยไม่เน้นหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง การพัฒนาในแต่ละด้านจะส่งเสริมซึ่งกันและกันและช่วยให้เด็กเติบโตเป็นบุคคลที่สมบูรณ์

หลักการที่สี่คือการเรียนรู้ที่มีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิตจริง เนื้อหาและกิจกรรมในหลักสูตรต้องเกี่ยวข้องกับประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมของเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถเข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ การเรียนรู้ที่มีความหมายจะช่วยให้เด็กจดจำและเข้าใจได้ดีกว่าการเรียนรู้แบบท่องจำ

หลักการสุดท้ายคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและกระตุ้นการเรียนรู้ เด็กต้องรู้สึกปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจจึงจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ต้องมีความอบอุ่น เป็นมิตร และเปิดโอกาสให้เด็กได้สำรวจและทดลองสิ่งใหม่ๆ อย่างอิสระ

โครงสร้างหลักของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

โครงสร้างของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในประเทศไทยประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วนที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ส่วนแรกคือจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ซึ่งกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ต้องการให้เด็กบรรลุภายในช่วงเวลาที่กำหนด จุดมุ่งหมายนี้จะสอดคล้องกับปรัชญาการศึกษาไทยและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยสากล

ส่วนที่สองคือมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซึ่งระบุสิ่งที่เด็กควรรู้และสามารถทำได้ในแต่ละช่วงวัย มาตรฐานเหล่านี้จะครอบคลุมทุกด้านการพัฒนา ตั้งแต่ทักษะพื้นฐานทางร่างกาย ความสามารถทางภาษา ทักษะทางสังคมและอารมณ์ ไปจนถึงความสามารถในการคิดและแก้ไขปัญหา ตัวชี้วัดจะช่วยให้ครูและผู้ปกครองสามารถติดตามความก้าวหน้าของเด็กได้อย่างเป็นระบบ

ส่วนที่สามคือเนื้อหาสาระและประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งจะจัดเป็นกิจกรรมและโครงการต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก เนื้อหาจะครอบคลุมหัวข้อต่างๆ เช่น ภาษาไทยและการสื่อสาร คณิตศาสตร์เบื้องต้น วิทยาศาสตร์และธรรมชาติ ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ การออกกำลังกายและสุขภาพ ตลอดจนสังคมศึกษาและคุณธรรม

ส่วนที่สี่คือกระบวนการเรียนการสอนและกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งกำหนดวิธีการที่ครูจะใช้ในการถ่ายทอดความรู้และทักษะให้กับเด็ก โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการเล่น การทำกิจกรรมกลุ่ม การสำรวจและค้นพบ และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน กระบวนการเรียนการสอนต้องยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็ก

ส่วนสุดท้ายคือการวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นกระบวนการติดตามและประเมินความก้าวหน้าของเด็กในด้านต่างๆ โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การรวบรวมผลงาน และการประเมินแบบสร้างสรรค์ การประเมินผลต้องมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือและส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก มากกว่าการตัดสินหรือจัดอันดับ

รายวิชาพื้นฐานในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

รายวิชาภาษาไทยและการสื่อสารเป็นรายวิชาหลักที่สำคัญที่สุดในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เนื่องจากภาษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้และการสื่อสารกับผู้อื่น การพัฒนาทักษะทางภาษาในช่วงปฐมวัยจะวางรากฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น รายวิชานี้ครอบคลุมการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเบื้องต้น โดยเริ่มจากการสร้างความคุ้นเคยกับเสียงและจังหวะของภาษาไทย การขยายคำศัพท์ การฝึกการออกเสียงที่ชัดเจน และการเล่าเรื่องอย่างง่าย

กิจกรรมในรายวิชาภาษาไทยมักจะรวมการเล่านิทาน การร้องเพลง การสวดมนต์เบื้องต้น การเล่นคำและเสียง และการสนทนาในหัวข้อต่างๆ ที่เด็กสนใจ เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวอักษรไทยผ่านเกมและกิจกรรมที่สนุกสนาน ไม่ใช่การท่องจำแบบเครียดจัด การฝึกการเขียนจะเริ่มจากการวาดเส้นและรูปร่าง ก่อนที่จะค่อยๆ พัฒนาไปสู่การเขียนตัวอักษรอย่างถูกต้อง

รายวิชาคณิตศาสตร์เบื้องต้นมุ่งเน้นการสร้างพื้นฐานความคิดเชิงตัวเลขและเชิงพื้นที่ให้กับเด็ก โดยไม่เน้นการคำนวณที่ซับซ้อน แต่เน้นการทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของคณิตศาสตร์ผ่านการเล่นและประสบการณ์ตรง เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับจำนวน การนับ การเปรียบเทียบ รูปทรงเรขาคณิตพื้นฐาน การจัดลำดับ และรูปแบบต่างๆ ผ่านเกม ของเล่น และกิจกรรมประจำวัน

การสอนคณิตศาสตร์ในระดับปฐมวัยจะใช้วัสดุสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น บล็อกไม้ ลูกปัด ของเล่นสำหรับนับ รูปทรงต่างๆ และเกมการจับคู่ เด็กจะได้ลงมือปฏิบัติจริง จับต้อง ย้ายสิ่งของ และทดลองเอง ทำให้เข้าใจแนวคิดทางคณิตศาสตร์ได้ลึกซึ้งกว่าการเรียนแบบท่องจำหรือฟังเพียงอย่างเดียว กิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงตรรกะและการแก้ไขปัญหาด้วย

รายวิชาวิทยาศาสตร์และธรรมชาติมุ่งหวังให้เด็กได้สำรวจและเรียนรู้เกี่ยวกับโลกธรรมชาติรอบตัว การสังเกต การตั้งคำถาม และการหาคำตอบผ่านการทดลองง่ายๆ เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ คุณสมบัติของวัสดุต่างๆ และปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เด็กพบเห็นในชีวิتประจำวัน

กิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์จะเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง เช่น การปลูกต้นไม้ การเลี้ยงสัตว์เล็กๆ การทดลองกับน้ำและทราย การสำรวจสิ่งต่างๆ ด้วยแว่นขยาย และการทำสวนเล็กๆ กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กเข้าใจธรรมชาติ แต่ยังปลูกฝังความรับผิดชอบ ความอดทน และความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

การพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์

การพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์เป็นส่วนสำคัญของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ในช่วงวัยนี้เด็กจะเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน การช่วยเหลือกัน การแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ และการควบคุมอารมณ์ของตนเอง ทักษะเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จในชีวิตและการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

เด็กในช่วงปฐมวัยกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น พวกเขาต้องการความช่วยเหลือในการระบุและแสดงออกซึ่งอารมณ์อย่างเหมาะสม การเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ การแสดงความรู้สึกด้วยคำพูดแทนการใช้ความรุนแรง และการเข้าใจว่าผู้อื่นก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน กิจกรรมที่ช่วยพัฒนาด้านนี้รวมถึงการเล่าเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ การเล่นบทบาทสมมติ และการสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

ทักษะทางสังคมที่สำคัญสำหรับเด็กปฐมวัยรวมถึงการทักทาย การขอโทษ การขอบคุณ การรอคิว การแบ่งปัน และการเล่นร่วมกับผู้อื่นอย่างเป็นมิตร เด็กจะเรียนรู้ผ่านการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและการเลียนแบบพฤติกรรมที่เหมาะสมจากครูและผู้ใหญ่ กิจกรรมกลุ่มจะช่วยฝึกทักษะการทำงานร่วมกัน การฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และการตัดสินใจร่วมกัน

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

ขอบคุณแหล่งที่มา : กัลยกร ภักดี ผู้แต่ง