คู่มือการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา

คู่มือการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา

การวิเคราะห์พหุปัญญา วิธีประเมินและส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการ

คู่มือการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา เป็นเอกสารหรือแนวทางที่ช่วยให้ผู้สอนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาใช้ในการคัดกรองและพัฒนาความสามารถทางพหุปัญญาของผู้เรียน แนวคิดพหุปัญญา (Multiple Intelligences) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Howard Gardner ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard ชี้ให้เห็นว่า คนเรามีปัญญาหลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเพียงด้านเดียว เช่น ปัญญาด้านตรรกะหรือด้านภาษาเท่านั้น

โดยทั่วไป คู่มือการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญาอาจประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ เช่น

1. บทนำเกี่ยวกับทฤษฎีพหุปัญญา

  • แนะนำทฤษฎีพหุปัญญาของ Howard Gardner
  • อธิบายความหมายของแต่ละปัญญา เช่น
    • ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
    • ปัญญาด้านตรรกะ-คณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
    • ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence)
    • ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Intelligence)
    • ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
    • ปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
    • ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
    • ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)

2. การคัดกรองพหุปัญญา

  • วิธีการสังเกตหรือคัดกรองผู้เรียนว่ามีความสามารถเด่นในด้านใดบ้าง
  • แบบทดสอบหรือกิจกรรมที่ช่วยในการวัดระดับของพหุปัญญาแต่ละประเภท
  • แนวทางการวิเคราะห์ผลการคัดกรอง

3. การพัฒนาพหุปัญญา

  • วิธีการออกแบบกิจกรรมหรือการสอนที่ส่งเสริมการพัฒนาพหุปัญญาของผู้เรียน
  • ตัวอย่างกิจกรรมที่ใช้ในการพัฒนาปัญญาด้านต่าง ๆ เช่น การเขียนบทความ การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การออกแบบหรือสร้างงานศิลปะ การเล่นกีฬา การทำดนตรี หรือการทำงานกลุ่ม
  • แนวทางการใช้สื่อและเครื่องมือช่วยในการพัฒนาปัญญาหลากหลายรูปแบบ

4. การประเมินผล

  • การประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนในการพัฒนาพหุปัญญา
  • แนวทางการปรับปรุงวิธีการสอนหรือกิจกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละปัญญา

การใช้คู่มือแบบนี้จะช่วยให้ครูและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเข้าใจความหลากหลายของความสามารถในผู้เรียนแต่ละคน และสามารถออกแบบการสอนที่เหมาะสมกับความถนัดของผู้เรียนมากยิ่งขึ้น

หากคุณต้องการข้อมูลเฉพาะด้านหรือเนื้อหาบางส่วนของคู่มือเพิ่มเติม สามารถบอกเพิ่มเติมได้นะครับ

แนวทางการคัดกรองพหุปัญญา วิธีการและเครื่องมือเพื่อการพัฒนา

แนวทางในการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา (Multiple Intelligences) โดยอิงตามทฤษฎีของ Howard Gardner มีหลักสำคัญอยู่ที่การตระหนักว่าความสามารถและความฉลาดของมนุษย์ไม่ได้มีเพียงด้านเดียว แต่ประกอบด้วยปัญญาหลายด้านซึ่งแต่ละคนอาจมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป การคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญาจึงควรทำในลักษณะที่หลากหลายและสอดคล้องกับความสามารถที่แตกต่างของแต่ละบุคคล แนวทางที่เป็นไปได้คือ

1. การคัดกรองพหุปัญญา

  • ใช้แบบสอบถามหรือแบบประเมินพหุปัญญา: ใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบว่าบุคคลมีความสามารถในด้านใดบ้าง เช่น แบบสอบถามหรือแบบทดสอบที่เน้นไปที่แต่ละปัญญา เช่น ปัญญาด้านภาษา ปัญญาด้านตรรกะ-คณิตศาสตร์ ปัญญาด้านดนตรี ฯลฯ
  • สังเกตพฤติกรรมและการตอบสนอง: ครูหรือผู้ประเมินสามารถสังเกตว่าผู้เรียนหรือบุคคลแสดงพฤติกรรมหรือมีความถนัดในด้านใด เช่น การสนใจเรียนรู้จากการลงมือทำมากกว่าฟัง หรือการแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบงานศิลปะ
  • สัมภาษณ์หรือพูดคุยกับผู้เรียนหรือผู้ปกครอง: การพูดคุยกับผู้ปกครองหรือคนรอบตัวผู้เรียนจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความสนใจ ความสามารถ และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

2. การพัฒนาพหุปัญญา

  • ปรับวิธีการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับปัญญาที่โดดเด่น: เมื่อทราบว่าผู้เรียนถนัดปัญญาด้านใด ควรจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสามารถนั้น เช่น หากถนัดปัญญาด้านดนตรี อาจใช้เพลงหรือเสียงในการสอนหัวข้อใหม่ ๆ
  • ส่งเสริมการเรียนรู้แบบหลายมิติ: จัดกิจกรรมที่หลากหลายซึ่งสามารถพัฒนาปัญญาหลายด้านไปพร้อม ๆ กัน เช่น การเรียนรู้แบบบูรณาการ การใช้กิจกรรมกลุ่มที่เน้นการคิดวิเคราะห์ หรือการเล่นดนตรีและเคลื่อนไหวร่างกาย
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนพหุปัญญา: สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถทดลองและสำรวจด้านต่าง ๆ จะช่วยพัฒนาปัญญาในหลายมิติได้ เช่น การให้โอกาสเรียนรู้แบบการลงมือทำ การสื่อสาร และการทดลองสิ่งใหม่ ๆ
  • ให้การสนับสนุนทางด้านสังคมและอารมณ์: การพัฒนาพหุปัญญายังรวมถึงการสร้างความมั่นใจให้ผู้เรียนผ่านการยอมรับในความแตกต่าง และสนับสนุนการเรียนรู้ในสิ่งที่เขาถนัดและสนใจ

3. ตัวอย่างพหุปัญญาตามทฤษฎีของ Gardner

  • ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence): ความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อสื่อสาร เช่น การเขียน พูด อ่าน
  • ปัญญาด้านตรรกะ-คณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence): ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คำนวณ และแก้ปัญหาทางตรรกะ
  • ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence): ความสามารถในการเข้าใจและสร้างดนตรี
  • ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Spatial Intelligence): ความสามารถในการคิดเชิงภาพและมิติ
  • ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย (Bodily-Kinesthetic Intelligence): ความสามารถในการควบคุมร่างกายและใช้ร่างกายในการแสดงออก
  • ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence): ความสามารถในการเข้าใจตนเองและใช้ข้อมูลนั้นในการตัดสินใจ
  • ปัญญาด้านการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence): ความสามารถในการเข้าใจและสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalistic Intelligence): ความสามารถในการเข้าใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

การพัฒนาพหุปัญญาช่วยให้บุคคลสามารถดึงศักยภาพที่หลากหลายออกมาใช้ และมีวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเองมากขึ้น

การคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา เปิดศักยภาพที่แท้จริงของทุกคน

ในยุคที่การศึกษาไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจและพัฒนาพหุปัญญาหรือ Multiple Intelligences ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เด็กไทยสามารถเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ทฤษฎีพหุปัญญาของนักจิตวิทยา Howard Gardner ได้เปิดมุมมองใหม่ที่ทำให้เราเข้าใจว่าความฉลาดไม่ได้มีรูปแบบเดียว แต่มีหลากหลายรูปแบบที่แต่ละคนมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป

ความหมายและความสำคัญของพหุปัญญา

พหุปัญญาหมายถึงความสามารถทางสติปัญญาที่หลากหลายซึ่งแต่ละคนมีในระดับที่แตกต่างกัน Gardner ได้ระบุความฉลาดออกเป็น 8 ประเภท ได้แก่ ความฉลาดทางภาษา ความฉลาดทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ ความฉลาดทางการมองเห็นและจินตนาการ ความฉลาดทางดนตรี ความฉลาดทางร่างกายและการเคลื่อนไหว ความฉลาดทางการเข้าใจตนเอง ความฉลาดทางการเข้าใจผู้อื่น และความฉลาดทางธรรมชาติ

การเข้าใจพหุปัญญามีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทของสังคมไทย เนื่องจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมมักจะเน้นความฉลาดทางภาษาและคณิตศาสตร์เป็นหลัก ทำให้เด็กที่มีความโดดเด่นในด้านอื่น ๆ อาจไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม การคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญาจะช่วยให้เราสามารถค้นหาและเสริมสร้างจุดแข็งของแต่ละคน ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเภทของพหุปัญญา 8 ด้าน

ความฉลาดทางภาษา (Linguistic Intelligence)

ความฉลาดทางภาษาเป็นความสามารถในการใช้คำพูด ทั้งในรูปแบบของการพูดและการเขียน เพื่อแสดงความคิดและความรู้สึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เด็กที่มีความฉลาดทางภาษาจะมีความสามารถในการจดจำคำศัพท์ การเล่าเรื่อง การอ่าน การเขียน และการสื่อสารที่โดดเด่น พวกเขามักจะชอบอ่านหนังสือ เล่าเรื่อง เขียนบทกวี หรือแต่งเรื่องสั้น

การคัดกรองความฉลาดทางภาษาสามารถทำได้โดยการสังเกตพฤติกรรม เช่น ความสามารถในการจดจำและใช้คำศัพท์ใหม่ ๆ ความชอบในการฟังเรื่องเล่าหรืออ่านหนังสือ ความสามารถในการเล่าเรื่องให้ผู้อื่นฟังอย่างน่าสนใจ และความสนใจในเกมคำศัพท์หรือปริศนาคำ การพัฒนาความฉลาดนี้สามารถทำได้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่านหนังสือที่หลากหลาย การเขียนบันทึกประจำวัน การเล่าเรื่อง การแต่งกลอน และการเล่นเกมคำศัพท์

ความฉลาดทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)

ความฉลาดประเภทนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และการจดจำรูปแบบต่าง ๆ เด็กที่มีความฉลาดทางคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์จะชอบการคำนวณ การแก้ปัญหา การทำการทดลอง และการค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ พวกเขามักจะแสดงความสนใจในตัวเลข สถิติ และการทำนายผลลัพธ์

การคัดกรองความฉลาดนี้สามารถทำได้โดยการสังเกตความสนใจในเกมที่ใช้ตรรกะ ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ความชอบในการจัดหมวดหมู่สิ่งของ และความสามารถในการเข้าใจความสัมพันธ์เชิงตัวเลข การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านกิจกรรมคณิตศาสตร์ที่สนุก การเล่นเกมตรรกะ การทำการทดลองวิทยาศาสตร์ และการแก้ปริศนาต่าง ๆ

ความฉลาดทางการมองเห็นและจินตนาการ (Spatial Intelligence)

ความฉลาดทางการมองเห็นและจินตนาการเป็นความสามารถในการมองเห็นและจินตนาการในสามมิติ การเข้าใจความสัมพันธ์ของพื้นที่ และการสร้างภาพในใจ เด็กที่มีความฉลาดประเภทนี้จะชอบการวาดภาพ การสร้างสรรค์งานศิลปะ การเล่นตัวต่อ และการออกแบบ พวกเขามักจะมีความสามารถในการจดจำทิศทางและตำแหน่งได้ดี

การคัดกรองความฉลาดนี้สามารถดูได้จากความชอบในการวาดภาพหรือสร้างสรรค์งานศิลปะ ความสามารถในการอ่านแผนที่หรือแผนผัง ความสนใจในการเล่นตัวต่อหรือปริศนาภาพ และความสามารถในการจดจำรายละเอียดของภาพหรือสถานที่ การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านกิจกรรมศิลปะ การเล่นตัวต่อ การทำแผนที่ การออกแบบ และการเล่นเกมที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็นเชิงพื้นที่

ความฉลาดทางดนตรี (Musical Intelligence)

ความฉลาดทางดนตรีเป็นความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และสร้างดนตรี เด็กที่มีความฉลาดประเภทนี้จะสามารถจดจำท่วงทำนอง จังหวะ และเสียงต่าง ๆ ได้ดี พวกเขามักจะชอบร้องเพลง เล่นเครื่องดนตรี ฟังเพลง และสามารถแยกแยะเสียงต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด

การคัดกรองความฉลาดทางดนตรีสามารถสังเกตได้จากความสนใจในเพลงและจังหวะ ความสามารถในการจดจำท่วงทำนอง ความชอบในการร้องเพลงหรือทำเสียงประกอบ และความไวต่อเสียงต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อม การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านการเรียนเครื่องดนตรี การร้องเพลง การฟังดนตรีหลากหลายประเภท การแต่งเพลง และการเข้าร่วมกิจกรรมทางดนตรี

ความฉลาดทางร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily-Kinesthetic Intelligence)

ความฉลาดประเภทนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถในการใช้ร่างกายและมือในการแสดงความคิดและความรู้สึก การเรียนรู้ผ่านการสัมผัสและการเคลื่อนไหว เด็กที่มีความฉลาดทางร่างกายจะชอบกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหว เช่น กีฬา การเต้น การแสดง หรือการสร้างสรรค์ด้วยมือ

การคัดกรองสามารถสังเกตได้จากความชอบในกิจกรรมทางกาย ความสามารถในการประสานสัมพันธ์ระหว่างตาและมือ ความชอบในการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านกีฬา การเต้น การแสดง งานฝีมือ และกิจกรรมที่ต้องใช้ความแม่นยำทางการเคลื่อนไหว

ความฉลาดทางการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)

ความฉลาดทางการเข้าใจตนเองเป็นความสามารถในการรู้จักและเข้าใจตนเอง รู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง สามารถควบคุมอารมณ์และกำหนดเป้าหมายของตนเองได้ เด็กที่มีความฉลาดประเภทนี้มักจะชอบทำกิจกรรมคนเดียว มีความมั่นใจในตนเอง และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง

การคัดกรองสามารถสังเกตได้จากความชอบในการทำงานคนเดียว ความสามารถในการไตร่ตรองและวิเคราะห์ตนเอง ความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็น และความสามารถในการตั้งเป้าหมายและวางแผน การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านการเขียนบันทึกส่วนตัว การทำสมาธิ การตั้งเป้าหมาย และการสะท้อนความคิด

ความฉลาดทางการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)

ความฉลาดทางการเข้าใจผู้อื่นเป็นความสามารถในการเข้าใจและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอ่านอารมณ์และความต้องการของผู้อื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง เด็กที่มีความฉลาดประเภทนี้มักจะเป็นผู้นำ ชอบทำงานเป็นทีม และมีเพื่อนเยอะ

การคัดกรองสามารถสังเกตได้จากความชอบในการทำงานกลุ่ม ความสามารถในการเป็นผู้นำหรือผู้ตาม ความไวในการรับรู้อารมณ์ของผู้อื่น และความสามารถในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านกิจกรรมกลุ่ม การเล่นบทบาท การอาสาสมัคร และการเข้าร่วมกิจกรรมสังคม

ความฉลาดทางธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)

ความฉลาดทางธรรมชาติเป็นความสามารถในการรู้จักและเข้าใจธรรมชาติ สามารถจำแนกประเภทของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต และมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อม เด็กที่มีความฉลาดประเภทนี้จะชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ชอบเลี้ยงสัตว์ปลูกต้นไม้ และสนใจในวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

การคัดกรองสามารถสังเกตได้จากความสนใจในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความชอบในการสำรวจและค้นคว้า ความสามารถในการจำแนกพืชและสัตว์ และความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การพัฒนาสามารถทำได้ผ่านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การปลูกต้นไม้ การเลี้ยงสัตว์ และการศึกษาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม

วิธีการคัดกรองพหุปัญญา

การคัดกรองพหุปัญญาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เครื่องมือและวิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถประเมินความสามารถของแต่ละบุคคลได้อย่างครอบคลุมและแม่นยำ การคัดกรองที่ดีควรจะใช้วิธีการหลายแบบร่วมกัน ไม่ควรพึ่งพาการทดสอบแบบเดียว

การสังเกตพฤติกรรม

การสังเกตพฤติกรรมเป็นวิธีการคัดกรองที่สำคัญที่สุด เนื่องจากสามารถดูความชอบ ความถนัด และพฤติกรรมตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล การสังเกตควรทำอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน และที่บ้าน ผู้สังเกตควรจดบันทึกพฤติกรรมที่เห็นอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่แสดงถึงความสนใจ ความชำนาญ และความสุขในการทำกิจกรรมต่าง ๆ

การสังเกตควรเน้นไปที่วิธีการเรียนรู้ของแต่ละคน เช่น เด็กที่ชอบเรียนรู้ผ่านการฟังอาจมีความฉลาดทางภาษา เด็กที่ชอบลงมือทำอาจมีความฉลาดทางร่างกาย หรือเด็กที่ชอบทำงานกลุ่มอาจมีความฉลาดทางการเข้าใจผู้อื่น ความสำคัญของการสังเกตคือการไม่ตัดสินล่วงหน้า และให้โอกาสแต่ละคนแสดงความสามารถในหลาก ๆ ด้าน

แบบประเมินและแบบสอบถาม

แบบประเมินพหุปัญญาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การคัดกรองเป็นระบบมากขึ้น แบบประเมินที่ดีควรจะครอบคลุมทุกประเภทของพหุปัญญา มีคำถามที่สามารถสะท้อนความสามารถจริงของแต่ละคน และไม่เน้นไปที่ความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียว

แบบประเมินสำหรับเด็กควรจะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีภาพประกอบ และอาจจะทำในรูปแบบของเกมหรือกิจกรรมสนุก ๆ สำหรับผู้ใหญ่ แบบประเมินสามารถซับซ้อนมากขึ้น และอาจจะรวมถึงการประเมินตนเองและการประเมินจากผู้อื่น การใช้แบบประเมินควรจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดกรอง ไม่ควรใช้เป็นเครื่องมือเดียว

การทดสอบผ่านกิจกรรม

การทดสอบผ่านกิจกรรมเป็นวิธีการที่ให้ผลการประเมินที่แท้จริงมากที่สุด เนื่องจากสามารถดูความสามารถจริงของแต่ละคนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ กิจกรรมที่ใช้ในการทดสอบควรจะหลากหลาย ครอบคลุมทุกประเภทของพหุปัญญา และเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ไม่ทำให้รู้สึกเครียดหรือกดดัน

ตัวอย่างกิจกรรมสำหรับการทดสอบ เช่น การเล่าเรื่องสำหรับความฉลาดทางภาษา การแก้ปริศนาสำหรับความฉลาดทางตรรกะ การวาดภาพสำหรับความฉลาดทางการมองเห็น การร้องเพลงสำหรับความฉลาดทางดนตรี การเต้นสำหรับความฉลาดทางร่างกาย การทำงานกลุ่มสำหรับความฉลาดทางสังคม การทำกิจกรรมคนเดียวสำหรับความฉลาดทางการเข้าใจตนเอง และการปลูกต้นไม้สำหรับความฉลาดทางธรรมชาติ

การสัมภาษณ์

การสัมภาษณ์เป็นวิธีการที่ช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจ ประสบการณ์ และมุมมองของแต่ละคน การสัมภาษณ์ควรทำในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ไม่เป็นทางการเกินไป และควรใช้คำถามเปิดที่ให้โอกาสผู้ถูกสัมภาษณ์ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่

คำถามในการสัมภาษณ์ควรจะครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ เช่น กิจกรรมที่ชอบทำในเวลาว่าง วิธีการเรียนรู้ที่ชอบ ประสบการณ์ที่ประทับใจ ความฝันและแผนการในอนาคต และมุมมองต่อจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง สำหรับเด็กเล็ก การสัมภาษณ์อาจจะทำในรูปแบบของการสนทนาธรรมดา หรืออาจจะใช้ภาพหรือของเล่นเป็นสื่อในการสื่อสาร

กลยุทธ์การพัฒนาพหุปัญญา

การพัฒนาพหุปัญญาไม่ใช่กระบวนการที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลา ความอดทน และการวางแผนที่ดี กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพจะต้องคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละประเภทของพหุปัญญา และปรับให้เหมาะสมกับช่วงวัยและบริบทของแต่ละบุคคล

ตัวอย่างไฟล์เอกสาร

คู่มือการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา
คู่มือการคัดกรองและพัฒนาพหุปัญญา

ขอบคุณแหล่งที่มา : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ห้ามพลาด